The Long: 5 วัน 4 คืน
เชียงราย ลำปาง น่าน พะเยา

เชียงราย – ลำปาง – น่าน – พะเยา : เส้นทางแห่งความงามเหนือกาลเวลา

การเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางนี้ คือการก้าวเข้าสู่ "หัวใจของภาคเหนือ" ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ที่งดงามราวภาพวาด ศิลปะวัฒนธรรมล้านนาชั้นสูง และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยความหมาย เชียงราย เมืองแห่งศิลปะ ที่สะท้อนผ่านวัดร่องขุ่น บ้านดำ และพุทธศิลป์ร่วมสมัย ลำปาง ดินแดนแห่งวัดเก่าแก่ รถม้า และกลิ่นอายของเมืองโบราณ ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าน เมืองสงบ ที่อบอวลไปด้วยความงามของวัดวาอาราม ภาพจิตรกรรมฝาผนังระดับโลก และทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา พะเยา ทะเลสาบน้ำจืด ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา และวัดเก่าแก่กลางน้ำ ที่ชวนให้ดื่มด่ำไปกับ บรรยากาศแห่งศรัทธา

แพ็คเกจนี้ถูกออกแบบมา ในระดับ Upper Class เพื่อมอบ ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ในทุกย่างก้าว ไม่ใช่เพียงการเดินทาง แต่คือการสัมผัส ความลึกซึ้งของภาคเหนือ ในแบบที่แตกต่าง ทุกสถานที่ ทุกมุมมอง และทุกช่วงเวลา ถูกคัดสรรมาอย่างตั้งใจ ให้คุณได้เข้าถึงความงาม ที่เหนือกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป บริการทุกอย่าง ถูกออกแบบมาให้ สะดวกสบาย หรูหรา และใส่ใจทุกรายละเอียด เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการ การบริการ ที่ดีเลิศเท่านั้น

ไม่ว่าคุณจะเดินทางมา กับ ครอบครัว ผู้ใหญ่ คนสำคัญ หรือโอกาสพิเศษ ทริปนี้จะเติมเต็มความทรงจำของคุณ ด้วยภาพของ ขุนเขา หมอกยามเช้า วัดที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะแบบล้านนา เสียงระฆังที่ก้องกังวานกลางสายลม และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่งดงาม นี่ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการพาตัวเองเข้าสู่ อีกระดับ ของการสัมผัสเสน่ห์แห่งภาคเหนือ ที่งดงามและล้ำค่า เกินกว่าที่คำพูดจะบรรยาย

เพื่อให้การเดินทางของคุณ สมบูรณ์แบบที่สุด ขอแนะนำให้คุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ศึกษาโปรแกรมทัวร์ ที่จัดสรรมาอย่างลงตัว ชมภาพ Highlight ที่คัดสรรมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และหากมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถ โทรสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ 089-5727603 หรือ แอดไลน์ @jctour ทีมงานของเราพร้อมดูแล และตอบทุกคำถาม เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจ ในการตัดสินใจครั้งสำคัญ สำหรับการเดินทางที่ดีที่สุด

ลอยฟ้า เหนือดอยภูคา

"ถนนลอยฟ้า" – เส้นทางที่สวยที่สุดในไทย กับวิวที่ต้องสัมผัสด้วยตาและใจ

หากมีถนนสายใด ที่ถูกขนานนามว่า "สวยที่สุดในประเทศไทย" ก็คงหนีไม่พ้น "ถนนลอยฟ้า" เส้นทางที่พาดผ่านขุนเขา และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ของภาคเหนือ แต่วิวทิวทัศน์อันงดงามนั้น มีข้อแม้สำคัญว่า คุณต้องไม่ขับรถเอง เพื่อให้ได้สัมผัส กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ แบบเต็มตา ไม่ต้องกังวลกับเส้นทางคดเคี้ยว ปล่อยให้มือคุณ จับกล้องแทนพวงมาลัย แล้วดื่มด่ำกับภาพของขุนเขา และสายหมอก ที่กอดโอบสองฟากฝั่ง ของเส้นทาง

ตลอดเส้นทางจะมี จุดชมวิวสุดตระการตา ให้คุณได้หยุดพัก และซึมซับกับความงดงาม ของธรรมชาติ "Fog Sea" และ "Green Sea" คือสองสิ่งที่คุณจะได้เห็นกับตา ทะเลหมอกขาวโพลน ที่ลอยอ้อยอิ่ง ราวกับสรวงสวรรค์ และ ทะเลสีเขียว ของป่าดึกดำบรรพ์ (Ancient Forest) ที่สมบูรณ์แบบ และเก่าแก่ราวกับย้อนเวลา กลับไปหลายล้านปี ถนนลอยฟ้า ไม่ใช่แค่เส้นทางคมนาคม แต่มันคือ เส้นทางแห่งความฝัน ของนักเดินทาง ที่จะพาคุณเข้าสู่ โลกของธรรมชาติ ที่ยังคงความบริสุทธิ์ ไว้อย่างน่าทึ่ง

ทุกช่วงโค้ง ทุกจุดแวะพัก และทุกลมหายใจ บนถนนเส้นนี้ จะทำให้คุณรู้สึก เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่ง ของธรรมชาติ แค่ได้มองวิว ก็เหมือนได้เดินทาง ไปยังอีกโลกหนึ่ง ถนนลอยฟ้า จึงไม่ใช่แค่เส้นทางที่สวยที่สุดของไทย แต่คือเส้นทาง ที่คุณต้องมาสัมผัส ด้วยตัวเอง สักครั้งในชีวิต

หมู่บ้านสะปัน...Beauty of Rural

สะปัน – หมู่บ้านเล็กกลางหุบเขา ที่ธรรมชาติและหัวใจยังเป็นชนบทแท้ ๆ

สะปัน คือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ กลางหุบเขาของจังหวัดน่าน ที่นี่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่เป็นดินแดน ที่ธรรมชาติยังคงเป็นเจ้าของ ทุกอย่างในหมู่บ้าน สะท้อนถึง วิถีชีวิตชนบทที่แท้จริง ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ท่ามกลาง นาข้าวที่เรียงรายเป็นขั้นบันได ภูเขาสูงที่โอบล้อม ราวกับอ้อมกอดของธรรมชาติ แม่น้ำลำว้า ที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน เติมเต็มบรรยากาศให้สดชื่น และสงบเงียบ เหมือนโลกภายนอก เดินไปข้างหน้า แต่ที่นี่... เวลาหมุนช้ากว่าเดิม

อากาศหนาวเย็นสดชื่นตลอดปี ทำให้สะปัน เป็นหมู่บ้านที่เหมาะแก่การมาพักใจ รีสอร์ทและโฮมสเตย์ที่นี่เรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ร้านกาแฟและคาเฟ่เล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ให้คุณได้นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ มองสายน้ำไหลเอื่อย ขณะที่สายหมอก ยังคงคลอเคลียยอดเขา ทุกสิ่งที่นี่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมาย

และแน่นอน ทริปนี้ จัดให้เต็มอิ่ม พาขับรถขึ้นไป บนจุดชมวิวสูงเหนือหมู่บ้าน มองลงมาเห็นสะปันทั้งหมู่บ้าน อยู่ท่ามกลางขุนเขา ทิวทัศน์ที่เห็นจากมุมนี้ ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า "ยิ่งอยู่ ยิ่งมีความสุข" สะปัน ไม่ใช่แค่หมู่บ้านชนบทธรรมดา แต่คือที่ที่หัวใจของคุณ จะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

บ่อเกลือ ภูมิปัญญา สืบทอดกว่า 800 ปี

บ่อเกลือโบราณ – ภูมิปัญญา 800 ปี จากขุนเขาสู่ครัวเรือน

บ่อเกลือโบราณแห่งน่าน เป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ภูเขา ที่เก่าแก่และหายากที่สุด แห่งหนึ่งของโลก สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น มากว่า 800 ปี วิธีการผลิต ยังคงใช้กระบวนการแบบดั้งเดิม นำน้ำเกลือจากชั้นใต้ดิน ขึ้นมาต้มจนตกผลึก กลายเป็นเกลือบริสุทธิ์ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แตกต่างจากเกลือทั่วไป ที่ได้จากทะเล

เกลือสินเธาว์จากบ่อเกลือแห่งนี้ ไม่ใช่แค่เครื่องปรุงรส แต่ยังมีคุณสมบัติเป็น สมุนไพรธรรมชาติ ที่ชาวบ้านใช้ในการ ขับพยาธิในลำไส้ และบำรุงสุขภาพมายาวนาน ด้วยแร่ธาตุจากชั้นดินลึกหลายล้านปี ทำให้เกลือที่นี่ มีคุณสมบัติพิเศษ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน การได้มาเยือนบ่อเกลือโบราณ ไม่ใช่แค่การชมการผลิตเกลือ แต่คือการเดินทางย้อนเวลา กลับไปสู่ภูมิปัญญา ที่สืบทอดกันมายาวนาน และเป็นโอกาสได้ลิ้มรส "เกลือที่มีคุณค่าต่อร่างกายสูงสุด" จากแหล่งผลิต เพียงหนึ่งเดียวของไทย

สำคัญกว่าความรู้ คือ จินตนาการ, ธรรมชาติเหนือจินตนาการ

เสาดินนาน้อย – ศิลปะจากธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน

"เสาดินนาน้อย" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ไร้การกำหนด ไร้แบบแผน เป็นศิลปะประเภท Free Form ที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างขึ้น โดยไม่มีกรอบ เสาดินที่เห็นวันนี้ อาจแตกต่างจากเดือนที่แล้ว เพราะถูกเปลี่ยนแปลง โดย สายลม น้ำฝน และกาลเวลา ทำให้พื้นที่แห่งนี้ มีความงามที่ ไม่มีวันเหมือนเดิม

เสาดินแต่ละแท่ง มีรูปร่างที่แตกต่างกัน บางแท่งสูงเสียดฟ้า บางแท่งบิดโค้ง ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็น ปั้นแต่งขึ้นมา นักเดินทางที่มาเยือน จะได้เพลิดเพลินไปกับ ภาพธรรมชาติอันน่าทึ่ง พร้อมตั้งคำถามในใจว่า "เกิดขึ้นได้อย่างไร?" "เหตุใดธรรมชาติจึงสร้าง สิ่งที่แปลกตานี้ขึ้นมา?" ทุกมุมมองที่ได้เห็นคือ ความมหัศจรรย์ที่มีชีวิต ไม่ว่าคุณจะมาเยือนกี่ครั้ง ทุกครั้งจะได้พบกับ "เสาดินที่ไม่เหมือนเดิม" เสมอ

ทริปนี้พาคุณมาใกล้ชิด กับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ให้คุณได้ใช้สายตา เก็บภาพความสวยงาม และใช้หัวใจสัมผัส ถึงพลังของเวลา และธรรมชาติที่ยังคงสร้างงานศิลป์ ให้เปลี่ยนแปลงตลอดไป เสาดินนาน้อย... คือศิลปะที่ไม่มีวันจบสิ้น

วัดพระธาตุเขาน้อย น่าน ดอกสาละลังกา

พระธาตุเขาน้อย – จุดชมวิวเมืองน่านที่เปี่ยมด้วยพุทธศิลป์และศรัทธา

บนยอด ภูเขาสูง ที่สามารถมองเห็นเมืองน่าน ได้กว้างไกลถึง 180 องศา ตั้งตระหง่านอยู่ด้วย พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน พระพุทธรูปปางประทานพร สีทองอร่าม ที่ผินพระพักตร์ออกสู่เมืองน่าน เสมือนกำลังประทานพร แก่ลูกหลานชาวน่าน ให้มีแต่ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง พระพุทธองค์ประดิษฐาน อยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าคุณจะมายามเช้าเพื่อชม พระอาทิตย์ขึ้น หรือยามเย็นเพื่อสัมผัส แสงสุดท้ายของวัน ทุกช่วงเวลาที่นี่ ล้วนเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์

ใกล้กันคือ พระธาตุเขาน้อย พระธาตุเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานศิลปะ ล้านนาและมอญ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว บริเวณรอบพระธาตุมี ต้นสาละลังกา ที่จะผลิดอกและโปรยปรายลงมา คล้ายกับวันที่พระพุทธเจ้าทรง ปรินิพพาน ทำให้ภูเขาลูกนี้ งดงามทั้งในมิติของศิลปะ และจิตวิญญาณ

พระธาตุเขาน้อย ไม่ใช่เพียงจุดชมวิว แต่เป็นสถานที่ที่สะท้อนถึง ศรัทธา ศิลปะ และธรรมชาติ ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อก้าวขึ้นไปบนยอดภูเขาแห่งนี้ ไม่ใช่แค่สายตา ที่ได้มองเห็นความงามของเมืองน่าน แต่หัวใจของคุณ จะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความสงบ และศรัทธาอย่างแท้จริง

วัดพระธาตุแช่แห้ง

วัดพระธาตุแช่แห้ง – ศูนย์กลางแห่งศรัทธา และตำนานที่สืบทอดมากว่าพันปี

ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมา ยังสถานที่แห่งนี้ และได้รับ ลูกสมอแห้ง จากชาวบ้านที่นำมาถวาย แต่เนื่องจากลูกสมอแห้ง นั้นแข็งมาก พระองค์จึงแช่มันลงในน้ำ และตรัสว่า "สถานที่แห่งนี้ จะกลายเป็นที่ประดิษฐาน สาริกธาตุของเราในอนาคต" และวันนี้คำตรัสนั้นได้เป็นจริง เมื่อสถานที่แห่งนี้ กลายเป็นที่ตั้งของ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน ที่ได้รับการเคารพบูชา มาหลายร้อยปี

องค์พระธาตุโดดเด่นด้วย สีทองอร่าม งดงามจับตา สร้างขึ้นใน ศิลปะแบบล้านนา องค์พระธาตุเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ และถือเป็น พระธาตุประจำปีเถาะ (ปีเกิดของคนที่เกิดปีเถาะ) ตามความเชื่อของชาวล้านนา ว่ากันว่า การมาสักการะพระธาตุแห่งนี้ จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล และความรุ่งเรืองในชีวิต

นอกจากองค์พระธาตุแล้ว ภายในวัดยังมี ศาสนสถานที่งดงาม และสะท้อนให้เห็นถึงระดับ ความศรัทธาสูงสุดของชาวน่าน ที่มีต่อพระพุทธศาสนา สถาปัตยกรรมที่ประณีต วิหารที่ตกแต่งอย่างอ่อนช้อย และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้วัดพระธาตุแช่แห้ง เป็นมากกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นจุดหมาย ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธา และความสงบของจิตใจ ใครที่มาเยือนเมืองน่าน หากไม่ได้แวะสักการะพระธาตุแช่แห้ง เท่ากับว่า ยังมาไม่ถึงน่านอย่างแท้จริง

ดอยเสมอดาว

ดอยเสมอดาว – จุดชมทะเลหมอกที่งดงามและบริสุทธิ์ที่สุด

หากคุณกำลังมองหา จุดชมวิว ที่ให้มากกว่าวิวสวย ดอยเสมอดาวคือคำตอบ ที่นี่ไม่ใช่แค่ สถานที่ชมทะเลหมอก แต่เป็น จุดรอรับออกซิเจนบริสุทธิ์ ที่เต็มไปด้วย อิออนประจุลบ ซึ่งช่วยให้ร่างกายสดชื่น และรู้สึกผ่อนคลาย ตั้งแต่วินาทีแรก ที่ก้าวขึ้นสู่ยอดดอย

ความพิเศษของดอยเสมอดาว คือ "ทะเลหมอก ที่มาและไปอย่างไม่มีวันหมด" ทุก ๆ 20 นาที คุณจะได้เห็นสายหมอก ค่อย ๆ ไหลเข้ามาปกคลุมพื้นที่รอบตัวคุณ สร้างบรรยากาศ ราวกับลอยอยู่เหนือเมฆ จากนั้นหมอกจะค่อย ๆ จางลง เผยให้เห็น ภาพมุมสูงของขุนเขา ป่าไม้ และสายน้ำ ที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่าง อย่างงดงามสุดสายตา และในเวลาไม่นาน หมอกก็จะกลับมาอีกครั้ง ราวกับธรรมชาติ กำลังร่ายเวทมนตร์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ที่นี่คือ ดอยแห่งความมหัศจรรย์ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรัก การชมวิว ไม่ใช่แค่เพราะ ทัศนียภาพที่งดงามที่สุด แต่เพราะมันคือสถานที่ ที่คุณสามารถ สูดลมหายใจให้เต็มปอด รับพลังจากธรรมชาติ และปล่อยใจ ให้ลอยไปกับสายหมอก อย่างแท้จริง

วัดบ่อแก้ว

วัดบ่อแก้ว – วัดแห่งแสงศรัทธา ดั่งดวงแก้วที่ลอยขึ้นจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

วัดบ่อแก้ว คือวัดที่เกิดจากแรงศรัทธาอันแรงกล้า ของชาวพุทธ และมีตำนานที่น่าพิศวง ทุกคืนวันพระ โดยเฉพาะคืน พระจันทร์เต็มดวง มีชาวบ้านหลายคนเคยเห็น ดวงแก้วสีสุกปลั่ง ลอยขึ้นจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์กลางวัด เป็นประกายเรืองรอง อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเลือนหายไปในอากาศ ปรากฏการณ์นี้ กลายเป็นที่เล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นแรงบันดาลใจ ให้วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่า "วัดบ่อแก้ว"

ด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้า วัดแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้น จากแก้วเจียระไน ทุกสิ่งปลูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ พระเจดีย์ วิหาร หรือศาลาต่าง ๆ ล้วนสะท้อนแสงระยิบระยับ งดงามราวกับดวงแก้ว ที่ลอยอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ทุกมุมของวัด เปล่งประกายให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ ละเอียดอ่อน และศักดิ์สิทธิ์ เปรียบเสมือนดินแดนแห่งแสงศรัทธา

วัดบ่อแก้วไม่ใช่แค่วัดธรรมดา แต่คือสถานที่ที่สะท้อน ถึงพลังแห่งความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ที่นี่ไม่ได้งดงามเพียงแค่รูปธรรม แต่คือสัญลักษณ์ของความศรัทธา ที่เปล่งประกายอยู่ในหัวใจของผู้คน ทุกครั้งที่มาเยือน คุณจะสัมผัสได้ถึง ความสงบ ความศักดิ์สิทธิ์ และมนต์เสน่ห์ ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก

วัดภูมินทร์

วัดภูมินทร์ – มรดกศิลป์ระดับโลกที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งล้านนา

วัดภูมินทร์ ไม่ใช่เพียงวัดเก่าแก่ ที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม แต่ยังเป็นสถานที่ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ด้วย ศาสนสถานที่วิจิตรบรรจง ในสไตล์ล้านนาประยุกต์ และ จิตรกรรมฝาผนังโบราณ อันเลื่องชื่อ ความละเมียดละไมของเส้นสาย สีสัน และรายละเอียดของภาพวาดนั้น เต็มไปด้วยอารมณ์ และชีวิตชีวา จนสามารถสัมผัสได้ ถึงความรู้สึกของศิลปินผู้สร้างสรรค์

ไฮไลต์สำคัญ ที่ทำให้วัดภูมินทร์โด่งดังไปทั่วโลก คือ "ภาพกระซิบรัก" หรือ "ปู่ม่าน ย่าม่าน" ภาพชายหนุ่มชาวไทลื้อ กระซิบกระซาบบางสิ่ง ให้หญิงสาว ด้วยสายตาและอากัปกิริยา ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และความลึกซึ้งในอารมณ์ เป็นงานศิลปะที่ถูกกล่าวขานว่า สามารถสะท้อนความรู้สึกของมนุษย์ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และงดงามที่สุด

จิตรกรรมฝาผนัง ภายในวิหารใหญ่ของวัดภูมินทร์ ถูกนำไปเปรียบเทียบ กับงานระดับโลกของศิลปินเอก อย่าง "ปิกัสโซ่" เนื่องจากมีความโดดเด่น ทั้งในเรื่องของ รูปแบบ เส้นสี และอารมณ์ของภาพ ที่เหนือชั้นกว่าภาพจิตรกรรมทั่วไป นี่คือหลักฐานสำคัญ ที่บ่งบอกว่า ศิลปะล้านนา ไม่ได้เป็นเพียงมรดกของไทย แต่คือมรดกของโลก ที่ควรค่าแก่การมาเยือน และชื่นชมด้วยสายตาของคุณเอง

หอศิลป์ริมน่าน "ถึงคนอายุสั้น แต่ศิลปะไม่มีวันตาย"

หอศิลป์ริมน่าน – อาณาจักรแห่งศิลปะที่ปลุกทุกสัมผัสของจิตใจ

หอศิลป์ริมน่าน ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ จัดแสดงงานศิลปะทั่วไป แต่คือ พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ ที่รวมเอาผลงานศิลปะ ในหลากหลายสาขา และแนวคิดมาไว้ด้วยกัน ก้าวแรกที่ย่างเข้าสู่หอศิลป์ แทบจะได้กลิ่นอารมณ์ศิลป์ ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ทุกมุมของที่นี่ เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ที่รอให้คุณมาสัมผัส

เมื่อเดินชมทีละชิ้นงาน คุณจะพบว่า งานศิลปะแต่ละชิ้น ไม่ใช่แค่สิ่งของที่ถูกจัดแสดง แต่มันคือ เรื่องราว ความรู้สึก และอารมณ์ของศิลปิน ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างลึกซึ้ง เส้นสาย สีสัน และรายละเอียดในแต่ละภาพ เหมือนมีชีวิต ทำให้จิตใจของผู้ชม ค่อย ๆ สงบนิ่งและเยือกเย็นลง คล้ายกับกำลังเดินอยู่ในโลกอีกใบ ที่เต็มไปด้วยความงดงาม

และเมื่อเดินชมต่อไปเรื่อย ๆ ศิลปะที่อยู่ตรงหน้าจะค่อย ๆ ยกระดับจิตใจของคุณ ขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ จากความสงบสู่แรงบันดาลใจ จากแรงบันดาลใจสู่อารมณ์ลึกซึ้ง ที่ไม่สามารถอธิบายได้ หอศิลป์ริมน่าน จึงเป็นสถานที่ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่งานศิลป์ แต่เป็น อาณาจักร ที่เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับหัวใจ ของทุกคนที่มาเยือน

พระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง – หัวใจของลำปาง ที่มอบความสุข ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเยือน

วัดพระธาตุลำปางหลวง ไม่ได้เป็นเพียง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็น จิตวิญญาณของชาวลำปาง ที่สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรม ศิลปะ และความศรัทธา ที่ถูกถ่ายทอดมาตั้งแต่อดีต องค์พระธาตุสง่างาม ทอดตัวอยู่กลางวัด เปล่งประกายทองอร่าม สะท้อนแสงแดด งดงามราวกับงานศิลป์ ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้คงอยู่เหนือกาลเวลา ทุกสิ่งปลูกสร้างรอบบริเวณวัด ล้วนบอกเล่าเรื่องราว ของ ช่างศิลป์ชาวลำปางในอดีต ที่ฝากฝังฝีมืออันละเอียดอ่อน ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่เพียงแค่ ดึงดูดสายตา แต่ดึงดูดหัวใจของทุกคนที่มาเยือน เพราะความงดงามที่แผ่ขยายออกมา ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ ในเขตกำแพงวัด แต่ทะลักล้นออกมา ให้สัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรก ที่เดินทางมาถึง อากาศที่อบอวลด้วยความสงบ เสียงลมพัดผ่านหลังคาไม้เก่าแก่ และกลิ่นธูปที่ลอยอ่อน ๆ ทำให้หัวใจรู้สึกเป็นสุข อย่างไม่มีเงื่อนไข

"หัวใจก็เป็นสุข" นี่คือคำที่บรรยาย วัดพระธาตุลำปางหลวงได้ดีที่สุด เพราะที่นี่มอบความรู้สึก เกินกว่าความดีใจ ที่ได้มาเยือน แต่คือ ความสงบ อิ่มเอม และศรัทธา ที่จะติดตรึงอยู่ในใจ ไปอีกนาน

กว๊านพะเยา

กว๊านพะเยา – เส้นเลือดแห่งชีวิต และความงดงามเหนือกาลเวลา

กว๊านพะเยา ไม่ใช่แค่แหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่เป็น หัวใจของจังหวัดพะเยา ที่หล่อเลี้ยงทั้งธรรมชาติ และผู้คน มาตลอดหลายร้อยปี ความกว้างใหญ่ของกว๊าน เปรียบได้กับ ทะเลน้ำจืดแห่งภาคเหนือ ที่ทอดตัวยาวสุดสายตา เติมเต็มบรรยากาศ ด้วยอากาศที่สดชื่น เต็มไปด้วยออกซิเจนประจุลบ ให้ทุกลมหายใจที่นี่ รู้สึกผ่อนคลายและบริสุทธิ์

รอบกว๊านพะเยา มีเสน่ห์ที่หลากหลาย บางพื้นที่เป็น เมืองริมกว๊าน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บรรยากาศคาเฟ่สุดชิล และจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงาม ในขณะที่บางมุมเป็น ชุมชนริมน้ำ หมู่บ้านชาวประมง สระบัว ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของชาวพะเยา ที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความพอเพียง ไม่ว่าคุณจะเลือก นั่งพักริมกว๊าน ล่องเรือข้ามไปยังวัดติโลกอารามกลางน้ำ หรือเดินสำรวจชีวิตรอบกว๊าน ทุกช่วงเวลา คือการได้สัมผัสกับความงดงาม ที่แตกต่างกันไป

"ไปกว๊านพะเยา พักริมกว๊าน เที่ยวรอบกว๊าน ชมวิถีชีวิตรอบกว๊าน" ทริปนี้จะพาคุณเข้าสู่ Moment สำคัญของ Life Experience ให้คุณได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และความสงบที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ เพราะบางครั้ง… การเดินทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่การไปถึงจุดหมาย แต่คือการได้ใช้หัวใจ สัมผัสกับสิ่งรอบตัวตลอดเส้นทาง

เชียงราย 3 วัดสำคัญ...

เชียงราย – เมืองแห่งพุทธศิลป์ระดับโลก กับ 3 วัดที่ต้องมาเยือน

เชียงรายไม่ได้มีเพียง แค่อากาศที่สดชื่นตลอดปี ผู้คนที่อ่อนน้อม และวัฒนธรรมเชียงแสน ที่เรียบง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่มี "วัด" ซึ่งถูกขนานนามว่า งดงามที่สุด แห่งหนึ่งของโลก หากมาเชียงรายแล้ว ไม่ได้ไป 3 วัดนี้ ถือว่ายังมาไม่ถึง

วัดน้ำเงิน (วัดร่องเสือเต้น) – อัญมณีสีน้ำเงินแห่งพุทธศิลป์
วัดนี้เป็นงานศิลปะร่วมสมัย ที่งดงามจับตา โดดเด่นด้วยสีฟ้าเข้ม เปรียบเสมือน Blue Sapphire ที่เจิดจรัส อยู่กลางเชียงราย ออกแบบโดยศิลปิน ผู้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย สถาปัตยกรรมของวัดร่องเสือเต้น จึงมีเอกลักษณ์ และความวิจิตรตระการตา ในแบบที่ไม่มีที่ใดเหมือน

วัดร่องขุ่น – พุทธศิลป์ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลก
ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยงานปูนปั้น อันละเอียดอ่อน ประดับด้วยกระจก ที่สะท้อนแสงแดดจนเปล่งประกาย ราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ วัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงวัดศิลปะ แต่เป็น "ศิลปะที่มีชีวิต" ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวแห่งพุทธศาสนา ในแบบที่ไม่เหมือนใคร และเป็น Destination Must-Go สำหรับนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก

วัดห้วยปลากั้ง – กระแสบุญที่สัมผัสได้ด้วยใจ
ที่นี่คือสถานที่ ที่ทำให้คุณได้พิสูจน์ว่า "มองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี" เพราะวัดห้วยปลากั้ง ขึ้นชื่อเรื่อง กระแสบุญ และความศรัทธา ที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่พื้นที่วัด คุณจะรู้สึกถึงความสงบ เย็นกายเย็นใจโดยอัตโนมัติ ไฮไลต์ของวัดนี้คือ องค์พระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา เคียงคู่กับ เจดีย์พบโชค 9 ชั้น ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจีน ที่งดงามเหนือคำบรรยาย

เชียงรายไม่ได้มีเพียง แค่ความสวยงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นเมืองแห่งพุทธศิลป์ ที่ตราตรึงใจผู้มาเยือน หากคุณต้องการ สัมผัสความศรัทธา และพลังแห่งศิลปะ 3 วัดนี้คือ จุดหมายที่คุณต้องไปให้ได้ สักครั้งในชีวิต

ไร่สิงห์..และไร่บุญรอด คือไร่เดียวกัน

ไร่สิงห์ปาร์ค – อาณาจักรแห่งเกษตรกรรม และความสนุกสำหรับนักเดินทางระดับ Upper Class

บนพื้นที่กว่า 8,600 ไร่ ไร่สิงห์ปาร์ค ไม่ใช่แค่ไร่เกษตรธรรมดา แต่เป็น ศูนย์กลางของพืชเมืองหนาว ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในภาคเหนือ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ ไร่ชาอู่หลง กาแฟคุณภาพสูง ข้าวสาลี ดอกไม้เมืองหนาว ฟักทองยักษ์ และพืชผักหลากหลายชนิด ทุกพื้นที่ล้วนถูกจัดสรรอย่างลงตัว เพื่อให้ นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสความงาม ของธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ วิถีเกษตรกรรมระดับพรีเมียม

ไฮไลต์ของไร่สิงห์ปาร์ค ไม่ได้มีเพียงแค่พืชไร่ แต่ยังมี โซนสวนสัตว์แบบเปิด ที่คุณสามารถเข้าใกล้ ยีราฟ ม้าลาย และสัตว์ป่าน่ารักอื่น ๆ ได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้ง แปลงดอกไม้สีสันสดใส แปลงฟักทองยักษ์ และกิจกรรมผจญภัยอย่าง Zip Line ที่จะพาคุณ ลอยข้ามทุ่งดอกไม้และทิวเขา อย่างตื่นเต้นเร้าใจ

และเมื่อถึงเวลาแห่งการพักผ่อน ไร่สิงห์ปาร์คยังมี ภัตตาคารชั้นเลิศ ที่เสิร์ฟเมนูอาหารเหนือ รสชาติเยี่ยม ควบคู่ไปกับเครื่องดื่มชา และกาแฟจากไร่สด ๆ ให้คุณได้ดื่มด่ำ กับบรรยากาศสุดพิเศษ ทุกมุมของที่นี่ ถูกออกแบบมา เพื่อมอบประสบการณ์ ระดับ Upper Class ให้กับนักเดินทาง ผู้ต้องการความสมบูรณ์แบบ ของทั้ง ธรรมชาติ เกษตรกรรม และความสะดวกสบาย ระดับพรีเมียม

รถม้ารอบเมือง...ไม่นั่งถือว่าพลาด เจซีทัวร์ ไม่ยอมให้ท่านพลาด

สัมผัสมนต์เสน่ห์ลำปาง... ผ่านรถม้า หนึ่งเดียวในไทย

เมื่อมาเยือน วัดพระธาตุลำปางหลวง ไม่ใช่แค่การ สักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ แต่คือโอกาสพิเศษ ที่จะได้สัมผัส วัฒนธรรม รถม้าเมืองลำปาง ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มาจนถึงปัจจุบัน เจซีทัวร์ได้จัดรถม้าไว้พร้อมสรรพ ให้ท่านได้ออกเดินทาง ชมเมืองลำปาง ในมุมที่แตกต่าง เพลิดเพลินไปกับ บรรยากาศเมืองเก่า เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และเสน่ห์ ที่ไม่เหมือนใคร

การนั่งรถม้าไปตามถนนสายเล็ก ๆ ของเมืองลำปาง ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการย้อนเวลา สู่ยุคอดีต ผ่าน บ้านเรือนเก่าแก่ ร้านค้าโบราณ ตลาดสด และวัดวาอาราม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณจะได้เห็นสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นเมือง และได้ยินเสียงทักทายอย่างเป็นมิตร จากชาวลำปาง ที่ทุกคนรู้โดยอัตโนมัติว่าคุณคือ "นักท่องเที่ยวคนสำคัญ" ที่เดินทางมาสัมผัส และเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ของพวกเขา

นี่คือมากกว่าการท่องเที่ยว แต่มันคือการสร้างประสบการณ์ และสายสัมพันธ์กับชุมชน ผ่านรอยยิ้มของผู้คน ผ่านจังหวะก้าวของม้า ที่พาคุณเคลื่อนผ่านเมือง และผ่านหัวใจของลำปาง ที่เปิดกว้างเพื่อต้อนรับคุณเสมอ การนั่งรถม้าในลำปาง ไม่ได้มีแค่ความสนุก แต่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่เรียบง่าย และเป็นความทรงจำ ที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง

บ้านเสานัก

"บ้านเสานัก" – เสน่ห์เรือนไม้สักโบราณ ที่บอกเล่าเรื่องราวของลำปาง

บ้านเสานัก คือเรือนไม้สักโบราณ อายุกว่าร้อยปี ที่สะท้อนถึงสถาปัตยกรรม ของ หริภุญชัยและล้านนา ที่ผสมผสานกัน อย่างลงตัว บ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นเพียง แค่ตัวแทนของอดีต แต่คือหน้าต่าง ที่เปิดสู่ประวัติศาสตร์ของลำปาง เสน่ห์ของบ้านเสานัก ไม่ได้อยู่แค่ความวิจิตร ของตัวเรือน แต่คือความหมายที่ซ่อนอยู่ ในทุกองค์ประกอบ

ด้วยการออกแบบให้ ยกพื้นสูงเพื่อความแข็งแรง บ้านหลังนี้จึงมี เสาไม้สักจำนวนมาก คำว่า "เสานัก" จึงมีความหมายว่า บ้านที่มีเสามาก แต่เมื่อมาเยือนบ้านเสานัก คุณไม่ได้มาแค่เพื่อดูเสา แต่จะได้สัมผัสกับ เครื่องใช้ ของสะสม และงานศิลปะดั้งเดิม ที่บอกเล่าเรื่องราวของ "ลัมภกัปนคร" หรือ เมืองลำปางในอดีต ผ่านสิ่งของแต่ละชิ้น ที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์

ที่นี่เป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์ มันคือพื้นที่ ที่ทำให้คุณได้เพลิดเพลิน กับความงดงามของศิลปะ ได้ตั้งคำถามในใจ เกี่ยวกับอดีต และได้สร้างบทสนทนากับตัวเอง ว่าครั้งหนึ่ง ลำปางเคยรุ่งเรือง และมีวัฒนธรรม อันยิ่งใหญ่เพียงใด จนในท้ายที่สุด ความรู้สึกเหล่านั้น จะกลายเป็นความประทับใจ ที่ตราตรึงอยู่ในใจคุณ ตลอดไป

ชาวลำปาง ต่างกับชาวกรุงโรม

วัดซาวหลัง – ศรัทธาแห่งลำปางที่มั่นคงกว่ากาลเวลา

ในขณะที่ กรุงโรม เคยเป็นเมือง ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มีกองทัพอันเกรียงไกร และกำแพงที่ปกป้องอาณาจักร จากศัตรู แต่กลับ ล่มสลาย เพราะความเชื่อที่สั่นคลอน เพิกเฉยต่อความถูกผิดทางศาสนา และหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่มั่นคง สุดท้ายแม้จะมีอำนาจแค่ไหน ก็ยังต้องพังลง เพราะม้าไม้เพียงตัวเดียว

แต่นั่นไม่ใช่ชาวลำปาง เมืองลำปางดำรงอยู่มานานกว่าพันปี และยังคงยืนหยัดด้วย ศรัทธาที่มั่นคง ผู้คนที่นี่ เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา และรักษาความถูกต้องเสมอมา "วัดซาวหลัง" เป็นสัญลักษณ์ ที่สะท้อนถึงความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ของชาวลำปาง เพราะเป็น วัดที่มีเจดีย์ถึง 20 องค์ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดนี้ (คำว่า "ซาว" ในภาษาเหนือ หมายถึง "ยี่สิบ")

ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียง แค่วัดที่งดงาม แต่คือ สัญลักษณ์ ของความมั่นคงทางศาสนา และจิตวิญญาณของชาวลำปาง แต่ละองค์เจดีย์ที่ตั้งตระหง่าน แสดงถึงศรัทธา ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน เมืองลำปาง ไม่ได้อยู่รอดเพราะกำแพง หรือกองทัพ แต่เพราะความเชื่อมั่น ในสิ่งที่ถูกต้อง และตราบใดที่ศรัทธายังอยู่ ลำปางก็จะดำรงอยู่ อย่างยิ่งใหญ่ตลอดไป

ถ้วยตราไก่ กับแฟ้บ และคนไทย เป็นของที่คุ้นเคย..

พิพิธภัณฑ์เซรามิคคณบดี – รากเหง้าแห่งเครื่องปั้นดินเผาระดับโลกจากลำปาง

หากคุณเป็น Baby Boomer (เกิดระหว่าง 2489-2507) หรือ Generation X (เกิดระหว่าง 2508-2522) ชื่อของ "ถ้วยตราไก่" และ "แฟ้บ" คงเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี เพราะมันคือ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่อยู่คู่บ้านคนไทยมานาน และหากพูดถึงถ้วยตราไก่ ไม่มีที่ไหนที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญเท่ากับลำปาง เมืองที่เป็นศูนย์กลาง ของเซรามิคระดับโลก

พิพิธภัณฑ์เซรามิคคณบดี คือหัวใจของอุตสาหกรรมเซรามิคไทย มายาวนานกว่า 60 ปี โดยเป็น โรงงานผู้ผลิตเครื่องใช้เซรามิค ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ ฝีมือที่ประณีต ลวดลายที่วิจิตร และมาตรฐานการผลิต ที่พิถีพิถัน ทำให้เครื่องปั้นจากที่นี่ ถูกส่งออกไปจำหน่าย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ในทริปนี้ เราจะพาท่าน แวะชมโรงงานเซรามิคคณบดี สัมผัสกับขั้นตอน การผลิตเซรามิคอย่างละเอียด ตั้งแต่การปั้น การลงสี การเคลือบเงา จนกลายเป็นชิ้นงานระดับ Top Level ที่ได้รับการยกย่องทั่วโลก นี่คือโอกาสที่คุณจะได้เห็นกับตาว่า "ถ้วยตราไก่" ในความทรงจำของคนไทย ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร และทำไมเครื่องเซรามิคของลำปาง จึงเป็นที่ยอมรับระดับสากล

มากกว่าการชมเซรามิค... แต่มันคือ การเดินทางสู่รากเหง้า ของความประณีต และศิลปะแห่งเครื่องปั้นดินเผา ที่ยังคงคุณค่า และเรื่องราวมากว่า หกทศวรรษ

วัดปงสนุก

วัดปงสนุก – มรดกศิลป์แห่งล้านนา ที่ได้รับรางวัลระดับโลกจาก UNESCO

วัดปงสนุก ไม่ใช่เพียงวัดเก่าแก่ของลำปาง แต่เป็น สัญลักษณ์แห่งศิลปะ และวัฒนธรรมล้านนา ที่งดงามเหนือกาลเวลา สถาปัตยกรรมของวัดนี้ เต็มไปด้วยรายละเอียด ที่วิจิตรตระการตา สะท้อนถึงภูมิปัญญา ของช่างฝีมือในอดีต ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยความงาม และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ องค์การยูเนสโก (UNESCO) จึงมอบรางวัล Award of Merit ให้แก่วัดปงสนุก เพื่อยืนยันถึงความเป็นเลิศ ด้านการอนุรักษ์มรดก ทางวัฒนธรรม

จุดเด่นของวัดปงสนุก คือ "วิหารพระเจ้าพันองค์" วิหารไม้ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยหลังคาลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ แบบล้านนา สะท้อนถึงศิลปะดั้งเดิม ที่หาดูได้ยาก อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวม ของ พระพุทธรูปจำนวนนับพันองค์ ที่ประดิษฐานไว้ภายใน ซึ่งถือเป็นการรวบรวม พุทธศิลป์อันล้ำค่าของยุคสมัย

การมาเยือนวัดปงสนุก ไม่ใช่เพียงการชมความงามทางศิลปะ แต่คือการเดินทางย้อนเวลา กลับไปสัมผัส ความรุ่งเรืองของล้านนา ที่ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ทุกมุมของวัดนี้ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ที่ทำให้ผู้มาเยือน รู้สึกถึงความศรัทธา และความภาคภูมิใจ ในมรดกทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ ให้คงอยู่ตลอดไป

	โปรแกรม
	วันที่ 1: สัมผัสศิลปะระดับโลก และธรรมชาติสุดอลังการ 08:00 ทีมงาน เจซีทัวร์ รอต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ที่สนามบินเชียงราย พร้อมรถบริการสุดหรู และไกด์ส่วนตัว จัดการสัมภาระให้เรียบร้อย ก่อนออกเดินทาง สู่จุดหมายแรกของทริป 08:30 เดินทางสู่ วัดร่องขุ่น หรือ "วัดขาว" ผลงานศิลปะ พุทธศิลป์อันเลื่องชื่อของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ทุกโครงสร้าง ทุกลวดลายปูนปั้น ล้วนบอกเล่าเรื่องราว ของธรรมะ ผ่านงานศิลปะระดับโลก วัดสีขาวบริสุทธิ์ ที่สะท้อนแสงแดดยามเช้า เปรียบเสมือน ประตูสู่แดนสวรรค์ แม้เคยมาแล้วกี่ครั้ง ก็ยังสวยงามประทับใจไม่รู้ลืม 10:00 ออกเดินทางสู่ ข่วงนกยูง สวนธรรมชาติที่เป็นที่อยู่ของ นกยูงนับร้อยตัวจากป่าใหญ่ แต่ละสายพันธุ์อวดขนแพรวพราว และเดินอวดโฉมอย่างอิสระ นักท่องเที่ยว สามารถชมความงามของพวกมัน อย่างใกล้ชิด ในบรรยากาศที่เงียบสงบ 12:00 เดินทางถึง ภูลังกา จุดชมวิวสุดอลังการ ที่อยู่บนยอดเขาสูง เปิดมุมมองพาโนรามา 360 องศา มองเห็นขุนเขาสลับซับซ้อน โอบล้อมด้วยสายหมอก และความเขียวขจีของธรรมชาติ เพลิดเพลินกับมื้อเที่ยงสุดพิเศษ ที่ภูลังกา พร้อมวิวที่สวยงามตระการตา 14:30 เดินทางสู่ เมืองน่าน เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมล้านนา และศิลปะอันล้ำค่า 15:30 เยี่ยมชม วัดภูมินทร์ วัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยพระอุโบสถ ทรงจัตุรมุข แห่งเดียวในไทย ชื่นชมพระประธานจตุรทิศ และที่พลาดไม่ได้ "ภาพกระซิบรัก" หรือ "ปู่ม่าน ย่าม่าน" ภาพจิตรกรรมฝาผนังระดับโลก ที่สวยงาม ได้รับการยกย่องว่า มีมูลค่ามากกว่า ภาพทั้งชุดของปิกัสโซ่ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต่างเดินทางมา เพื่อยลโฉมภาพนี้ 16:30 แวะสักการะ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย อาณาจักรล้านนา โดดเด่นด้วยองค์พระธาตุ ที่ตั้งอยู่บนฐานช้างสี่ทิศ แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะล้านนา และความรุ่งเรืองของเมืองน่าน ในอดีต 17:30 Check-in ที่ Nan Boutique Resort รีสอร์ทหรู ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และผ่อนคลาย 18:30 รับประทานมื้อค่ำที่ ถนนคนเดินเมืองน่าน อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองแท้ ๆ ลิ้มลองขนมจีนน้ำเงี้ยว แกงฮังเล ข้าวซอย และไส้อั่วสูตรต้นตำรับ เพลิดเพลินกับบรรยากาศ ของเมืองเก่า ที่อบอวลไปด้วย เสน่ห์ล้านนา 19:30 เดินเล่นชิล ๆ ที่ถนนคนเดิน เลือกซื้อของฝาก งานหัตถกรรมพื้นเมือง และของที่ระลึกสุดพิเศษ Standby 24 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถเดินเล่นได้เต็มที่ ไม่ต้องรีบกลับ ทีมงานเจซีทัวร์ จัดเตรียมรถพร้อมคนขับ คอย Standby ตลอดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวก 21:00 เดินทางกลับรีสอร์ท พักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของเมืองน่าน พร้อมตื่นมาสัมผัส ประสบการณ์สุดพิเศษในวันรุ่งขึ้น วันที่ 2: สัมผัสมนต์เสน่ห์น่าน ศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติสุดอลังการ 07:00 เริ่มต้นวันใหม่ ด้วยมื้อเช้าที่รีสอร์ท Nan Boutique Resort เพลิดเพลิน กับอาหารพื้นเมืองแท้ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ของเมืองน่าน 08:00 ออกเดินทางสู่ ตำบลนาน้อย สถานที่ที่เต็มไปด้วย ตำนาน และปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันงดงาม 09:00 เยี่ยมชม วัดบ่อแก้ว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการกล่าวขาน ว่ามี ดวงแก้วสีสุกปลั่ง ลอยขึ้นจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทุกคืนวันพระ ความศรัทธาของผู้คน ได้ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรม ที่งดงาม วิหารของวัดถูกสร้างขึ้น โดยใช้ แก้วเจียระไน เป็นองค์ประกอบหลัก ส่องแสงระยิบระยับ สะกดสายตาผู้มาเยือน 10:00 เดินทางสู่ เสาดินนาน้อย ความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่เปรียบเสมือนแกลเลอรีศิลปะ แบบ Free Form ที่เกิดขึ้นเอง ทุกเดือน เสาดินจะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ไม่เหมือนเดิม ราวกับว่า ธรรมชาติกำลังรังสรรค์งานศิลป์ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด 11:00 เดินทางขึ้นสู่ ดอยเสมอดาว จุดชมวิว ที่สามารถเห็นภาพมุมสูง อันอลังการ ของขุนเขา ป่าไม้ และลำธาร สิ่งมหัศจรรย์ของที่นี่ คือทะเลหมอกที่เกิดขึ้นทุก ๆ 20 นาที สลับกันไปมา ระหว่างภาพของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และม่านหมอกที่ค่อย ๆ ลอยเข้ามาปกคลุม สร้างบรรยากาศ ราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง 12:00 เดินทางถึง วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน ที่มีอายุกว่า 600 ปี องค์พระธาตุสีทองอร่าม ตระการตา สะท้อนแดดยามเที่ยง อย่างงดงาม นอกจากพระธาตุองค์ใหญ่แล้ว ยังมีพระธาตุองค์เดิม ให้ได้เยี่ยมชม 12:30 พักรับประทานอาหารกลางวัน ลิ้มลองเมนูพื้นเมือง แบบต้นตำรับ อาทิ ข้าวซอย แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง และไส้อั่ว 13:30 เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ที่นี่คือสถานที่เก็บรักษา "งาช้างดำ" ปริศนาแห่งงาช้างสีดำ ที่ยังไม่มีใครค้นพบที่มาได้ พร้อมชมวัตถุโบราณ และศิลปะ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนา ที่ถูกสืบทอดมากว่า 500 ปี 14:00 เดินผ่าน ซุ้มลีลาวดี บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ความสวยงามของต้นไม้ ที่โค้งเข้าหากัน เกิดเป็นอุโมงค์ธรรมชาติ ที่งดงามที่สุด เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทั้งใบเขียวชอุ่ม ในหน้าฝน และกลายเป็นซุ้มไม้แห้ง ที่โรแมนติกในฤดูหนาว 14:30 เดินทางขึ้นสู่ วัดพระธาตุเขาน้อย จุดชมวิวเมืองน่านแบบ 180 องศา ด้านบนเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน พระพุทธรูปสีทองอร่าม ที่ทอดพระเนตรลงมา ยังเมืองน่าน เสมือนกำลังประทานพร ให้กับผู้คน 15:00 เดินทางต่อไปยัง หอศิลป์ริมน่าน แหล่งรวมงานศิลปะ ระดับ Masterpiece ของศิลปินทั่วภาคเหนือ สถานที่ที่เปี่ยมไปด้วย แรงบันดาลใจ ไม่ใช่เพียงการชมงานศิลปะ แต่คือการสัมผัส กับจิตวิญญาณของศิลปิน ที่ถูกถ่ายทอด ผ่านแต่ละชิ้นงาน 16:30 ออกเดินทางบนเส้นทาง ถนนลอยฟ้า หนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุด ของประเทศไทย เตรียมกล้องให้พร้อม เพราะวิวสองข้างทาง สวยจนพลาดไม่ได้ แวะพักจิบกาแฟชาวดอย บนยอดดอย ดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟแท้ ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสดชื่น 17:30 เดินทางผ่านจุดชมวิว 1715 จุดชมวิว ที่ได้รับการขนานนามว่า สวยที่สุดของถนนเส้นนี้ ทะเลภูเขาสลับซับซ้อน แสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็น ทำให้บรรยากาศโรแมนติก และงดงามเกินบรรยาย 18:00 เดินทางถึงเมือง บ่อเกลือ เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขา ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และวิถีชีวิตดั้งเดิม ของชาวน่าน Check-in เข้าพักที่รีสอร์ท "บ่อเกลือวิว" รีสอร์ทที่ได้รับการยกย่อง ว่าสวยที่สุด ในหุบเขาแห่งนี้ 19:00 รับประทานอาหารค่ำ ที่รีสอร์ท เมนูพิเศษ ที่ใช้เกลือสินเธาว์จากบ่อเกลือโบราณ ผสมผสานลงไป ในเมนูอาหารพื้นเมือง เพิ่มความกลมกล่อม ที่เป็นเอกลักษณ์ 21:00 พักผ่อนในบรรยากาศสงบ กลางหุบเขา สูดอากาศบริสุทธิ์ ก่อนเข้านอน พร้อมตื่นมารับเช้าวันใหม่ ในดินแดนที่เงียบสงบ และเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของน่าน วันที่ 3: สัมผัสบ่อเกลือโบราณ หมู่บ้านสะปัน และเสน่ห์แห่งลำปาง 07:00 รับประทานอาหารเช้าที่ บ่อเกลือวิวรีสอร์ท เพลิดเพลินกับอากาศสดชื่น และบรรยากาศเงียบสงบ ท่ามกลางขุนเขา 08:00 เดินทางสู่ บ่อเกลือโบราณ สถานที่ที่มีอายุกว่า 200 ล้านปี ชมกระบวนการผลิต เกลือสินเธาว์ภูเขา แบบโบราณ ที่สืบทอดกันมากว่า 800 ปี เดินเล่นบน สะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำบ่อเกลือ สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน และป้อนอาหารปลา ที่แหวกว่ายอยู่ในลำธาร 11:00 เดินทางเข้าสู่ หมู่บ้านสะปัน หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขา ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และธรรมชาติ ชม สะพานแขวนโบราณ ที่ทอดข้าม แม่น้ำสะปัน จากเนินเขาสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางทุ่งนา นั่งรถชมบรรยากาศของ สะพานสะปัน ทุ่งนาสะปัน แม่น้ำสะปัน และเนินเขาสะปัน ที่โอบล้อมหมู่บ้านแห่งนี้ 12:00 รับประทานอาหารกลางวัน ที่ ร้านอร่อยริมแม่น้ำสะปัน สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบ และวิวแม่น้ำ ที่ไหลเอื่อยผ่านหมู่บ้าน 13:00 เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติภูคา ชม ดอกชมพูภูคา ดอกไม้หายาก ที่พบได้เพียงแห่งเดียวในโลก เดินเล่นในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ท่ามกลางป่าดึกดำบรรพ์ ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ 15:00 เดินทางเข้าสู่จังหวัดลำปาง เมืองที่มีเสน่ห์ของศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ที่ยังคงความดั้งเดิม 16:00 เยี่ยมชม วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดเก่าแก่ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลำปาง ชม พระธาตุสีทองอร่าม ที่ตั้งอยู่บนฐานช้างสี่ทิศ 17:00 สัมผัสประสบการณ์นั่ง รถม้าเที่ยวชมเมืองลำปาง สัมผัสเสน่ห์ของเมือง ที่ยังคงเอกลักษณ์ การเดินทางแบบโบราณ ผ่านบ้านเรือนเก่าแก่ และบรรยากาศสุดคลาสสิก ของลำปาง 17:30 เช็คอินที่ รีสอร์ทสวยกลางเมืองลำปาง ให้คุณได้พักผ่อน อย่างสะดวกสบาย 18:00 เดินทางสู่ ตลาดกองต้า ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น อันหลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศของ ถนนคนเดินริมแม่น้ำวัง เดินชม ถนนศิลป์ลำปาง (Lampang Street Art) ที่รวมผลงาน จากศิลปินชื่อดังทั่วประเทศ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่แต่งแต้มสีสัน ให้เมืองนี้มีชีวิตชีวา 20:00 เดินเล่นชิล ๆ ตามร้านรวง และร้านค้าในตลาดกองต้า ซื้อของฝาก และเพลิดเพลิน กับบรรยากาศเมืองเก่า ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร 22:00 เดินทางกลับรีสอร์ท พักผ่อน วันที่ 4: สัมผัสศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติริมกว๊านพะเยา 07:00 รับประทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่น ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ของลำปาง 08:00 Check-out ออกจากที่พัก พร้อมออกเดินทางสู่ วัดปงสนุก วัดที่ได้รับรางวัล Award of Merit จาก UNESCO เป็นการยืนยัน ถึงความเป็นเลิศ ทางสถาปัตยกรรม และศิลปะล้านนา 09:00 เดินทางต่อสู่ พิพิธภัณฑ์เซรามิคคณบดี เรียนรู้เรื่องราวของ แร่ดินขาว ซึ่งเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมเซรามิคของลำปาง ชมกระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผา คุณภาพสูง ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 10:00 เยี่ยมชม บ้านเสานัก เรือนไม้สักโบราณอายุกว่า 100 ปี มี 116 ต้นเสาไม้สัก ศิลปะที่ผสมผสานระหว่างพม่าและล้านนา อดีต เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่เก็บรวบรวม ของเก่าหายาก 11:00 เดินทางสู่ วัดศรีชุม หรือ วัดพม่า วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นก่อนยุคพ่อขุนรามคำแหง สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบพม่า 12:00 เยี่ยมชม วัดซาวหลัง วัดที่มีเจดีย์เก่าแก่กว่า 20 องค์ อายุกว่าพันปี เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของชาวลำปาง 13:00 รับประทานอาหารกลางวัน พร้อมพักผ่อนก่อนออกเดินทางสู่ กว๊านพะเยา 16:00 เดินทางถึง กว๊านพะเยา สัมผัสอากาศเย็นสดชื่น ของทะเลสาบน้ำจืด ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ล่องเรือไปยังวัดติโลกอาราม วัดโบราณที่จมอยู่กลางน้ำ เป็นไฮไลต์สำคัญ ของกว๊านพะเยา เยี่ยมชม อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง และ ลานพญานาค จุดชมวิว ที่สามารถมองออกไป ได้กว้างสุดสายตา วัดพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศิลปะล้านนา องค์ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ 17:00 Check-in รีสอร์ทริมกว๊านพะเยา สูดอากาศบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วย อิออนประจุลบ จากทะเลสาบน้ำจืด รับพลังธรรมชาติ และความสงบของวิวกว๊านพะเยา 18:00 รับประทานอาหารเย็นที่ ภัตตาคารริมกว๊านพะเยา เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมือง พร้อมดนตรีไพเราะ ในบรรยากาศสุดโรแมนติก วันที่ 5: ปิดท้ายทริป ด้วยวิวไร่ชา และพุทธศิลป์ล้านนา 07:00 รับประทานอาหารเช้า ที่รีสอร์ทริมกว๊านพะเยา ท่ามกลางวิวทะเลสาบ ที่สงบและสดชื่น 08:00 Check-out และออกเดินทางสู่เชียงราย 09:30 เดินทางถึง ไร่สิงห์ปาร์ค ไร่ชาอู่หลงและพืชเกษตรเมืองหนาว บนพื้นที่กว่า 8,600 ไร่ จุดชมวิวไร่ชา ที่เขียวขจีสุดสายตา แปลงเกษตรพันธุ์ใหม่ และสวนดอกไม้เมืองหนาว โซนสวนสัตว์ในไร่ ที่มียีราฟ ม้าลาย และสัตว์ป่าน่ารักมากมาย จุดชมวิว Signature ของไร่สิงห์ปาร์ค ที่สามารถมองเห็นเนินเขา และทุ่งดอกไม้สวยงาม 12:00 รับประทานอาหารกลางวันในไร่สิงห์ปาร์ค พร้อมเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบสดจากฟาร์ม 14:00 เดินทางสู่ วัดร่องเสือเต้น หรือ วัดน้ำเงิน ชื่นชมพุทธศิลป์ล้านนาประยุกต์ ที่สวยงามดุจอัญมณีสีน้ำเงิน (Blue Gem) รายละเอียดลวดลายของวัด โดดเด่นและมีความประณีตในระดับสูง 15:00 เดินทางต่อสู่ วัดห้วยปลากั้ง วัดที่มี 3 องค์ประกอบ ที่เป็นที่สุด องค์พระแม่กวนอิมขนาดใหญ่ สูงเทียบเท่าตึก 9 ชั้น เจดีย์พบโชค 9 ชั้น ที่มีพระพุทธรูป และพระแม่กวนอิมแกะสลัก จากไม้จันทน์หอม ในแต่ละชั้น เนินเขาที่เป็นแบคกราวน์ด้านหลัง สร้างบรรยากาศแห่งความสงบและศรัทธา 16:00 แวะร้านของฝากเมืองเชียงราย เลือกซื้อของฝากจากเชียงราย อาทิ ชา กาแฟ ขนมพื้นเมือง และสินค้าหัตถกรรมล้านนา 17:00 ส่งท่านลูกค้า ที่สนามบินเชียงราย ปิดท้ายทริป 5 วัน 4 คืน กับความประทับใจ จากการเดินทางสุดพิเศษ จบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ กับความทรงจำที่สวยงาม ของภาคเหนือ.....

รายละเอียดราคา

ที่ JC Tour เราทุ่มเท เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำที่สุด ให้กับลูกค้าทุกท่าน เราให้ความสำคัญ กับการจัดสรรเวลาอย่างเต็มที่ เพื่อให้ท่านได้ดื่มด่ำ กับความงดงามของแต่ละจุดหมายปลายทาง พร้อมด้วยไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มอบข้อมูลเชิงลึก และบริการ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

ดังนั้น ราคานี้จึงเป็นสำหรับ ทริปแบบส่วนตัวเท่านั้น
แนวทางนี้สะท้อนถึงปรัชญาของเรา: “ทุกช่วงเวลาของการเดินทาง ควรพิเศษกว่าวันธรรมดาเสมอ”

	ราคา
	ผู้ใหญ่ 25,500 บาท/ท่าน (Double Room) เด็ก 15,500 บาท/ท่าน (อายุ 3-10ขวบ)

แพ็คเกจนี้รวม:

• โรงแรมที่พัก
  • หนึ่งคืนที่ Nan Boutique Resort
  • หนึ่งคืนที่ บ่อเกลือวิว รีสอร์ท
  • หนึ่งคืนที่ Lampang Resort and Spa
  • หนึ่งคืนที่ รีสอร์ทริมกว้าน ภูกลอง.
• รถคันสะอาดเอี่ยม พร้อมคนขับ แบบส่วนตัว
  • รับ ส่ง จากสนามบิน
  • นำเที่ยวแบบส่วนตัวตลอด 5 วัน
  • Stand By 24 ชั่วโมง (ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มทุกกรณี)
• ทัวร์ไกด์ ประจำกลุ่มส่วนตัว และทัวร์ไกด์เฉพาะพื้นที่ ๆ ต้องมีคำอธิบายอย่างลึกซึ้งเชิงวิชาการ
• อาหารครบทุกมื้อ
• ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ ทุกแห่งในโปรแกรม
• ประกันภัย

Nan Boutique Resort

น่าน บูทิค รีสอร์ท คือสถานที่ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อันเงียบสงบ ไม่ไกลจากตัวเมืองน่าน แต่ให้ความรู้สึก เหมือนอยู่โลกอีกใบ รีสอร์ทแห่งนี้ โอบล้อมด้วย ทุ่งนา ป่าไม้ และสวนสวย ถูกออกแบบ ให้สมดุลระหว่าง ความหรูหรา และความเรียบง่าย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ ลานกลางแจ้ง ภัตตาคาร บาร์ และห้องพักสุดสบาย ทุกองค์ประกอบถูกสร้างขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ทำให้คุณ ได้สัมผัสครบทุกมิติ ของการพักผ่อน ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสจากธรรมชาติรอบตัว

แม้กิจกรรมในระหว่างวัน จะเต็มไปด้วยความสนุก และความท้าทาย แต่เมื่อกลับมาถึงที่พัก ทุกความเหนื่อยล้า กลายเป็นเรื่องรอง เพราะที่นี่คือ พื้นที่ที่คุณจะได้ใช้เวลากับตัวเอง อย่างแท้จริง ปล่อยให้ธรรมชาติปลอบประโลม ปลดปล่อยทุกความวุ่นวาย และซึมซับความสงบ แบบเต็มอิ่ม นี่คือค่ำคืนแห่งความผ่อนคลาย ที่ให้คุณได้ Oh Wow… No one for care… นอกจากตัวคุณเอง

Baan Suchada Lampang

รีสอร์ทแห่งนี้ อาจเป็นหนึ่งในที่พักที่มีราคาสูงสุด ในลำปาง แต่ ราคาไม่ใช่เหตุผล ที่เราเลือกที่นี่ สิ่งที่ทำให้ที่พักแห่งนี้โดดเด่น คือ ความสงบเงียบ และการซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ห้องพักทรงไทย ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน สะอาด สะดวกสบาย และครบครันในทุกด้าน พร้อมด้วยสระว่ายน้ำ ที่โอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้า และภูมิทัศน์อันงดงาม

สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษ คือ พื้นที่ส่วนกลาง ที่กว้างขวางกว่าตัวอาคาร ถึง 2 ต่อ 3 ทำให้ทุกย่างก้าว เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ และบรรยากาศของธรรมชาติ หลังจากการเดินทางท่องเที่ยว มาตลอดทั้งวัน ที่นี่จะกลายเป็น พื้นที่ให้คุณได้พักผ่อน อย่างแท้จริง ปลดปล่อยความเหนื่อยล้า และสัมผัสกับความสงบ ในแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน "เราอยากให้ท่าน เป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่ผู้เดินทาง" และนี่แหละ คือเหตุผลที่เลือกที่นี่

บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท - ความสวยไร้ขีดจำกัด

บ่อเกลือวิว รีสอร์ทคือที่สุด ของความสะดวกสบาย ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ โอบล้อมด้วย ขุนเขา ลำธาร สวนดอกไม้ และสายหมอก ที่ลอยเอื่อยในยามเช้า ที่นี่คือการพักผ่อน ในแบบ Upper Class ที่ไม่ใช่เพียงแค่ที่พัก แต่เป็น สถานที่ที่ทำให้คุณ ได้สัมผัสกับธรรมชาติทุกมิติ เสียงสายลมพัดผ่าน เสียงน้ำไหลเบา ๆ และเสียงนกร้อง ราวกับเป็นเสียงขับกล่อมแห่งธรรมชาติ ที่ทำให้หัวใจสงบ

เมื่อได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ ความสุขจะเกิดขึ้น โดยไม่ต้องพยายาม เพราะทุกอย่างรอบตัว ถูกออกแบบมา ให้สอดคล้องกับบรรยากาศ ของขุนเขา ไม่ว่าจะเป็นห้องพักที่กว้างขวาง เตียงนอนที่นุ่มสบาย หรือวิวธรรมชาติ ที่มองเห็นจากทุกมุม ของรีสอร์ท ทุกช่วงเวลาคือ การปลดปล่อยความวุ่นวาย และเติมพลังให้กับตัวเอง แบบไร้ขีดจำกัด นี่คือ "ความสุขที่ไม่มีวันจบ" ที่บ่อเกลือวิวรีสอร์ทมอบให้

---

ทำไมต้องเจซีทัวร์?

• เจซีทัวร์จดทะเบียนท่องเที่ยว หมายเลข..34/00235 (Inbound นำเที่ยวจากต่างประเทศ และทั่วประเทศไทย), 31/01235 (Outbound นำเที่ยวได้ทั่วโลก) บริษัทประกันภัย ต้องดูแลคุ้มครองทั่วโลก ที่ลูกค้าของเจซีทัวร์เดินทางไปถึง
• เจซีทัวร์ จดทะเบียน การพาณิชย์ อิเล็กโทรนิกส์ ถูกต้อง หมายเลข 0835557015003
• เจซีทัวร์ คือบริษัททัวร์ ที่ได้รับการรับรองจาก สมาชิก TripAdvisor ว่าเป็นบริษัทที่บริการดีที่สุดในโลกครับ.
• จริงหรือ? ทำไมจะไม่ลองอ่านดูครับว่า "ชาวโลกเขาพูดถึงเจซีทัวร์" ว่าอย่างไร? ต้องจ่ายค่าทัวร์ตั้งแพงนะ แนะนำอ่านเลยครับ!!! Click