Northern Route:
10 วัน 9 คืน 6 จังหวัด เหนือตอนบน

"เรื่องราวของคนอื่น ก็เหมือนข้อมูลที่ปนเปื้อน และความฉลาดของคนอื่น บางครั้ง ก็กลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจ ฉันมาถึงช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ตระหนักว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะออกไปสร้างคุณค่า ให้กับชีวิตของตัวเอง เติมเต็ม ‘Life Time’ ด้วยเรื่องราว ที่ฉันได้สัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงนั่งอยู่ที่ประตู คอยฟังเรื่องราวของคนอื่นอีกต่อไป ฉันเลือกที่จะก้าวออกไป สร้างเรื่องเล่าของตัวเอง ให้ชีวิตนี้เต็มไปด้วยความหมาย และความภาคภูมิใจ"

แพ็คเกจ "Nomad Style North 1" โดยเจซีทัวร์ พาคุณออกเดินทางสู่ 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา และลำพูน ในรูปแบบการท่องเที่ยวสุดพิเศษ ที่ผสมผสาน ความงดงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรม พร้อมกระตุ้นสมองซีกขวา ให้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และสมองซีกซ้าย ให้เรียบเรียงเรื่องราว ที่ทรงคุณค่าของชีวิต เก็บทุกความทรงจำไว้เป็น "Life Time Story" ที่ภาคภูมิใจ พร้อมเสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่า ให้จิตใจ และสติปัญญา เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ หรือคนสำคัญในชีวิตของคุณ

แพ็คเกจนี้ ให้บริการในระดับ Upper Class โดยทีม CSO (Customer Service Officer) ที่ผ่านการอบรม มาอย่างเชี่ยวชาญ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยว ที่อบอุ่น ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความสุข ทีมงานของเรา พร้อมช่วยขจัดความรู้สึกวุ่นวาย และอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ให้คุณสัมผัสเพียงหนึ่งเดียว คือ “ความสุข” ตลอดการเดินทาง

เปิดประตูสู่การผจญภัยสุดตื่นเต้น สนุกสนาน และเต็มเปี่ยมด้วยความบันเทิง ที่ปลอดภัย พร้อมชมทิวทัศน์แปลกใหม่ สร้างช่วงเวลา ที่เหนือกว่าความธรรมดา เติมเต็มทุกความประทับใจ ในแบบที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต กับเจซีทัวร์.

ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ขอแนะนำให้ท่านลูกค้าศึกษา Itinerary และรายละเอียดพร้อมภาพ Highlight ด้านล่าง เพื่อให้มั่นใจว่า ทริปนี้คือประสบการณ์ ที่พิเศษที่สุด เพราะแพ็คเกจนี้ไม่มีจำหน่ายผ่าน OTA (Online Travel Agents) ทุกประเภท ทำให้เป็นการเดินทางที่พิเศษ และหาเปรียบเทียบได้ยาก ในตลาดทั่วไป

เพื่อให้การเดินทางของคุณ สมบูรณ์แบบที่สุด ขอแนะนำให้คุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ศึกษาโปรแกรมทัวร์ ที่จัดสรรมาอย่างลงตัว ชมภาพ Highlight ที่คัดสรรมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และหากมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถ โทรสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ 089-5727603 หรือ แอดไลน์ @jctour ทีมงานของเราพร้อมดูแล และตอบทุกคำถาม เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจ ในการตัดสินใจครั้งสำคัญ สำหรับการเดินทางที่ดีที่สุด

ลำพูน - วัดขอมลำโพง

วัดป่ายางหลวง หรือวัดพุทธแห่งแรก ในแคว้นล้านนา เป็นสถานที่ที่ทรงคุณค่า และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ อันยาวนานกว่า 1,000 ปี สถาปัตยกรรม และศิลปะที่นี่ สะท้อนถึงความงดงาม ของศิลปะแบบล้านนาโบราณ ผสานกับความประณีต ของงานประยุกต์ร่วมสมัย ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะพระวิหารพระเขียวโขง ที่ประดิษฐาน "พระพุทธอัญญรัตนมาหานาทีศรีหริภุญชัย" พระพุทธรูปที่แกะสลัก จากหินแม่น้ำโขง โดดเด่นด้วยปูนปั้น ลวดลายอ่อนช้อย แบบล้านนา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมรดกทางพุทธศิลป์ ที่หาชมได้ยาก

สถานที่แห่งนี้ ยังมีความเชื่อมโยง กับตำนานของพระนางจามเทวี ผู้ที่ทรงฟื้นฟูวัดนี้ขึ้นมาใหม่ พร้อมตั้งชื่อ "วัดป่ายางหลวง" ตามป่ายางที่โอบล้อม รอบบริเวณวัด บรรยากาศเงียบสงบ และร่มรื่นของวัด ช่วยเสริมให้การเดินทางมาสักการะที่นี่ เต็มไปด้วยความศรัทธา และความประทับใจ แพ็คเกจนี้จะนำท่าน ไปสัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ชื่นชมงานศิลปะอันล้ำค่า และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธา ของล้านนาอย่างแท้จริง.

พระธาตุหริภุญชัย - 1 ใน 10

วัดพระธาตุหริภุญชัยมหาวิหาร เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรม ทางพุทธศาสนา ที่ทรงคุณค่า และงดงามที่สุดในประเทศไทย ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน วัดแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่า เป็นมหาธาตุสำคัญ ในลำดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งในด้านความงดงาม ของสถาปัตยกรรมแบบล้านนา และคุณค่าเชิงจิตวิญญาณ วัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุที่สำคัญ ได้แก่ ธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกนิ้วมือ ธาตุกระดูกอก และธาตุอื่นๆ อันเป็นที่เคารพบูชา ของพุทธศาสนิกชน ทั่วทั้งแผ่นดิน ทั้งหมดบรรจุอยู่ในองค์พระเจดีย์ ที่เปี่ยมด้วยความสง่างาม และถือเป็นศูนย์กลางศรัทธา ที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา ในดินแดนล้านนา

นอกจากความสำคัญในเชิงศาสนา พื้นที่ทุกตารางนิ้ว ภายในวัดพระธาตุหริภุญชัย ยังแสดงถึงความละเอียดอ่อน ของศิลปะล้านนาโบราณ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายแกะสลัก บนองค์พระเจดีย์ วิหาร และซุ้มประตู ที่สะท้อนถึงความประณีต และความศรัทธาอันแรงกล้า ของผู้สร้าง การได้มาเยือน และนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ ที่แห่งนี้ เปรียบได้กับการ สัมผัสประสบการณ์อันสูงสุด ในเชิงจิตวิญญาณ และความงดงามทางศิลปะ จนทำให้วัดพระธาตุหริภุญชัย ได้รับการยกย่องว่าเป็น "มหาธาตุในระดับความฝัน" สำหรับผู้ศรัทธา และผู้ที่หลงใหล ในศิลปะไทยโบราณ.

กว๊านพะเยา แหล่งผลิตออกซิเจน + อิออนประจุลบ

เช้าตรู่ริมกว๊านพะเยา หมอกบางลอยอ้อยอิ่ง ปกคลุมผืนน้ำ เผยให้เห็นเงาจางๆ ของภูเขาที่ล้อมรอบ “อากาศเย็นกำลังดี” เสียงของลมแผ่วเบา ผสานกับคำพูดของนัท ผู้หญิงที่เพิ่งเดิน ออกมาจากบ้านพักริมกว๊าน เธอยืนนิ่ง มองไปยังผืนน้ำกว้าง ด้วยสายตาเปี่ยมสุข

“หมอกลงทุกเช้าเลยนะ” เธอหันไปพูดกับวิน เพื่อนร่วมเดินทางที่นั่งจิบกาแฟอุ่น บนเก้าอี้ไม้ริมระเบียง

“ใช่... และนี่แหละที่ทำให้ที่นี่พิเศษ” วินยิ้ม “เธอรู้ไหม ที่นี่มี Negative Ion เยอะมาก... อิออนประจุลบ ที่ช่วยให้สมองเราปลอดโปร่ง แถมยังทำลาย อนุมูลอิสระในร่างกายอีกด้วย”

นัทพยักหน้า “ถึงว่า ทำไมฉันรู้สึกสดชื่นแบบนี้... การได้สูดอากาศแบบนี้ทุกเช้า มันเหมือนให้รางวัลกับตัวเองเลย”

วินหัวเราะเบาๆ “รางวัลใหญ่เลยล่ะ ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ทั้งจิตใจ และวิญญาณด้วย เธอรู้ไหม การพักผ่อนริมกว๊านแบบนี้ ช่วยให้สมอง สร้างสรรค์ได้ดีขึ้นอีกนะ”

นัทยืดตัวสูดหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันว่า...แค่ได้นั่งมองหมอกลอยบนกว๊าน ฟังเสียงนกร้อง และรับลมหนาว ก็เหมือนได้พักทั้งชีวิตแล้วล่ะ”

เสียงหัวเราะของทั้งคู่ กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบกว๊าน ที่เงียบสงบ การได้อยู่ในสถานที่ ที่เปี่ยมด้วยธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ เป็นเหมือนของขวัญ ที่ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพียงแค่รู้สึก...ว่าหัวใจ กำลังได้รับการเติมเต็ม.

ดอยแม่สลอง

ความฝันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ เราตื่น และไม่มีเรื่องเล่าใด ที่ถูกบอกต่อโดยคนอื่น จะถ่ายทอดกลิ่นอาย ของความงดงามระดับนี้ ได้เหมือนการมาสัมผัสเอง ดอยแม่สลองคือ ดินแดนที่ความงดงาม ไม่ต้องการการปรุงแต่ง อากาศที่หนาวสดชื่นตลอดปี เหมือนแอร์ธรรมชาติ 24/7 ทอดสายตามองไปทางไหน ก็มีแต่ภาพ ที่เหมือนหลุดออกมาจากโปสการ์ด— นาข้าวเขียวขจี ไร่ชาที่ไล่ระดับเหมือนพรม ทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบาน และทะเลภูเขาสลับซับซ้อน เหมือนมีศิลปินมาออกแบบเอาไว้

ถ้าคุณเบื่อความซ้ำซาก ของชีวิตในเมือง ที่นี่คืออีกโลกหนึ่ง ผู้คนท้องถิ่น และชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ ยังคงวิถีชีวิตเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ บรรยากาศเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึก เหมือนได้ย้อนกลับไปสู่ชีวิต ที่คนเมืองพยายามหาด้วยเงิน แต่กลับพบได้ง่ายๆ ที่นี่ ความสุขเหมือนวิ่งมาตบหน้าคุณ จนตื่นจากความวุ่นวาย และกดดันในชีวิต

และถ้าคุณคิดว่า ชีวิตชนบทอาจจะเงียบเหงา ขอบอกเลยว่า คุณคิดผิด มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดกับฉันว่า “พี่ หนูเลี้ยงหมูเป็นเพื่อน มันฟังหนูบ่นได้ทุกเรื่อง แต่มีข้อเสียอย่างเดียว…” ฉันเลยถามไปว่า “ข้อเสียอะไรเหรอ?” เขาหัวเราะตอบว่า “มันเถียงไม่ได้” คุณจะได้ทั้งความสงบ และเสียงหัวเราะ จากมิตรภาพ ที่เรียบง่าย ที่ดอยแม่สลองแน่นอน

วัดห้วยปลากั้ง + วัดร่องเสือเต้น + วัดร่องขุ่น

เชียงราย เมืองแห่ง "สล่า" หรือช่างศิลปะผู้มีฝีมือระดับสูง เปรียบเสมือนแกลเลอรีกลางแจ้ง ที่เต็มไปด้วยวัดอันงดงาม ราวกับเทพนิมิต ทุกวัดได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีต จากศิลปิน ที่ถ่ายทอดจินตนาการ ผ่านผลงานที่ไม่ธรรมดา แพ็คเกจนี้ จึงคัดเลือก 3 วัดที่สร้างความ "Amazing" ให้กับทุกผู้มาเยือน ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามา

1. วัดร่องเสือเต้น
วัดแห่งนี้ เปล่งประกายด้วยธีมสีน้ำเงิน ที่ได้แรงบันดาลใจ จากอัญมณี "Blue Sapphire" โดดเด่นด้วยการ ผสมผสานศิลปะล้านนาแบบดั้งเดิม เข้ากับศิลปะร่วมสมัยในยุคใหม่ ความงดงามของพระอุโบสถสีฟ้าคราม ตัดกับพระประธานสีขาวมุกบริสุทธิ์ ในโถงกลาง สร้างความรู้สึก เหมือนหลุดเข้าไป ในดินแดนแห่งเทพนิยาย ความละเอียดอ่อนในทุกมิติ ของงานศิลป์ที่นี่ เรียกได้ว่าทำให้คุณรู้สึกถึง "กลิ่น" ของความงดงามเลยทีเดียว

2. วัดห้วยปลากั้ง
ตั้งตระหง่านบนเนินเขาเขียวขจี วัดนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระแม่กวนอิมองค์ใหญ่สูงเสียดฟ้า โอบล้อมด้วยความเงียบสงบ และทิวทัศน์ของเมืองเชียงราย ที่ทอดยาว เจดีย์พบโชค 9 ชั้นที่ตั้งอยู่ใกล้กัน นำเสนอความน่าอัศจรรย์ในแต่ละชั้น ทั้งในด้านศิลปะ และตำนานที่เล่าขาน ทำให้ทุกย่างก้าวที่เดินขึ้นเจดีย์ เปรียบเสมือนการเดินทาง ค้นพบความสุข และความโชคดี

3. วัดร่องขุ่น
ผลงานชิ้นเอก ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัดร่องขุ่น ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่มันคือการหลอมรวม ของ Passion อันแรงกล้า และความทุ่มเทที่ไม่หยุดนิ่ง ทุกครั้งที่มาเยือน จะพบว่างานศิลปะของวัดนี้ เปลี่ยนแปลง และเพิ่มพูน ความงดงามใหม่ๆ อยู่เสมอ พระอุโบสถสีขาวสะอาดตา ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และการหลุดพ้น เปล่งประกายแสงสว่าง ที่ตราตรึงใจผู้มาเยือน ความงดงามระดับโลกแห่งนี้ ไม่ได้แค่สะท้อนแรงบันดาลใจ ของศิลปิน แต่ยังส่งต่อแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนที่มาเยือน กลับไปพร้อมหัวใจ ที่เต็มเปี่ยม.

ดอยอ่างขาง ไร่ชา สวนดอกไม้ หมู่บ้าน

ดอยอ่างขาง: การเดินทางที่เหนือคำว่า "ดีที่สุด"

"อากาศแบบนี้... เหมือนมีคนเปิดแอร์ให้ทั้งปีเลยนะ" แจนพูดพลางยิ้มกว้าง ขณะที่ลมหนาว พัดผ่านแก้มจนแดงปลั่ง

"ไม่ใช่แค่แอร์ แต่รวมวิวระดับเทพมาด้วย" ต้นตอบกลับ พร้อมยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพสวนดอกไม้เมืองหนาว ที่เรียงรายอยู่ใน "สวน ๙๐ สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง" ที่นี่เป็นแหล่งรวมดอกไม้นานาพันธุ์จากทั่วโลก ซึ่งแข่งกันบานสะพรั่ง จนเหมือนหลุดเข้าไป ในเทพนิยาย

"ฉันบอกแล้วว่าที่นี่ Must-Go!" แจนพูดพลางกอดตัวเองแน่น เพราะลมหนาวเริ่มพัดแรงขึ้น

"แล้วเธอรู้มั้ย ว่าไฮไลท์ยังไม่หมด เราจะไปที่ไร่ชา 2000 ต่อ" ต้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "บอกเลย วิวไร่ชา ที่เรียงตัวเป็นขั้นบันไดนี่แหละ...โคตรจะ Perfect"

หลังจากเดินชมไร่ชา ทั้งสองก็ตรงไปยังจุดชมวิวขอบด้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกแห่งของดอยอ่างขาง "ดูนั่นสิ.. พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว" แจนตะโกนอย่างตื่นเต้น พลางชี้ไปที่ขอบฟ้า ที่พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นทะเลหมอก

"นี่มัน...เหมือนฝันเลย" ต้นพึมพำขณะมองแสงสีทอง สะท้อนกับทะเลหมอก เขาหันไปหาแจน ที่กำลังถ่ายรูปไม่หยุด "แต่อย่าลืมนะ เรายังมีอีกหลายจุดที่จะไป เช่น หมู่บ้านขอบด้ง ร้านกาแฟสดนอแล และม่อนสน ถ่ายรูปให้พร้อม เพราะทริปนี้ เราจะเก็บครบ ทุก Gorgeous Points"

แจนหัวเราะพลางพูดแหย่ "ถ้าฉันลืม... เธอไม่ลืมแน่ นายไกด์ส่วนตัว"

เสียงหัวเราะของทั้งสองคน กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ที่สมบูรณ์แบบ ของดอยอ่างขาง ทริปนี้ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นการสร้างความทรงจำ ที่ดีที่สุด... และไม่มีวันลืม.

วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน

วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน: อัญมณีแห่งล้านนา ที่หวงแหนศรัทธา

วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน เป็นวัดที่งดงาม จนแทบไม่น่าเชื่อว่า มันจะตั้งอยู่บนโลกใบนี้ ทุกองค์ประกอบของวัด ล้วนถูกสร้างขึ้น ด้วยความตั้งใจ และความปราณีตของชาวบ้านเมืองแกน ราวกับศิลปินมือเอก ได้รังสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นยิ่งใหญ่ ที่หลอมรวมความศรัทธา และศิลปะล้านนา เข้าด้วยกัน ที่นี่เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่า ที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และจิตวิญญาณ ของผู้คนในท้องถิ่น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่วัดแห่งนี้ จะกลายเป็นจุดหมายในฝัน ของผู้ที่รักในศิลปะ และความสงบทางจิตใจ

แต่ความพิเศษของวัดนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความงดงาม วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน ยังยืนหยัดในหลักการ ที่ไม่เหมือนใคร แม้จะเป็น Location ที่มีผู้สร้างภาพยนตร์ ละคร หรือแม้กระทั่งสารคดีจากทั่วโลก ต่างใฝ่ฝันที่จะใช้ถ่ายทำ แต่ไม่ว่าผลงานจะฟอร์มยักษ์แค่ไหน หรือมาพร้อมงบประมาณมหาศาลเพียงใด คำตอบจากวัดก็มีเพียงคำเดียว คือ "ไม่" เพราะสถานที่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนา และศรัทธา เท่านั้น การถ่ายทำใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง กับกิจกรรมทางศาสนา ล้วนถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด วัดแห่งนี้จึงไม่เพียงเป็นสถานที่ที่งดงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของการรักษาความบริสุทธิ์ และจิตวิญญาณที่มั่นคง ของชุมชนอีกด้วย.

สะพานไม้ไผ่ ซูต้องเป้..

บนเนินเขาสูง เหนือทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา มีวัดตั้งตระหง่าน เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา ด้านล่างเป็นหมู่บ้าน ที่เรียงรายอยู่อีกฟาก ของทุ่งกว้าง กั้นด้วยลำน้ำ ลำห้วย และคลองเล็กๆ ท่ามกลางภาพธรรมชาติที่สงบงาม สะพานไม้ไผ่แห่งหนึ่ง ทอดยาวข้ามทุ่งนา เปรียบเสมือนสายใยแห่งบุญ ที่เชื่อมโยงระหว่างชาวบ้าน กับพระสงฆ์ สะพานนี้ไม่ได้เกิดจากคำสั่ง หรือความจำเป็น แต่เกิดจากศรัทธา และความตั้งใจของชาวบ้าน ที่ต้องการสร้างความสะดวก ให้พระสงฆ์สามารถเดินทาง มารับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ได้อย่างง่ายดาย

แรงบุญและกุศล ที่แฝงอยู่ในสะพานแห่งนี้ ไม่ได้จบแค่การอำนวยความสะดวก ให้พระสงฆ์ แต่ยังดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ให้เดินทางมาชื่นชมความงดงาม และสัมผัสบรรยากาศเรียบง่าย ของชีวิตท้องถิ่น สะพานไม้ไผ่ กลายเป็นจุดท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ และความรุ่งเรืองให้กับชุมชน ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด มูลค่าที่เกิดขึ้น จากแรงศรัทธานี้ มิอาจประเมินได้ด้วยตัวเลข แต่มันได้กลายเป็น สายธารของความสุข และความเจริญที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย

“บุญเมื่อสร้าง จะส่งผลในเวลาที่เหมาะสม เช่นเดียวกับบาปที่หนีไปไหนไม่พ้น” สะพานไม้ไผ่แห่งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า การกระทำที่มาจากเจตนาบริสุทธิ์ ย่อมก่อให้เกิดผลลัพธ์อันงดงาม ที่ส่งผลเกินกว่าความคาดหมาย.

วัดจองคำ จองกลาง

"เรื่องของศาสนา อาจฟังดูหนัก และจริงจัง แต่ถ้าคุณได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง มันกลับเต็มไปด้วยความสนุก และปริศนาที่รอการค้นพบ" ตัวอย่างที่น่าตื่นตาอยู่ที่ วัดจองคำ และ วัดจองกลาง สองวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ความน่าสนใจคือ แม้จะอยู่เคียงกัน แต่ทั้งสองวัด กลับมีเอกลักษณ์ และรากทางวัฒนธรรมที่แตกต่าง วัดจองคำสะท้อนศิลปะแบบไทยใหญ่ ในขณะที่วัดจองกลาง โดดเด่นด้วยกลิ่นอายของศิลปะแบบล้านนาและพม่า สิ่งปลูกสร้างของทั้งสองวัด ยืนประชันกันอย่างงดงาม ราวกับบทสนทนาระหว่างวัฒนธรรม ที่ต่างกัน แต่สอดคล้องกลมกลืนกัน ในเป้าหมายสูงสุด นั่นคือ การสืบทอดศรัทธา และการส่งเสริมความสามัคคี

ความงดงามของทั้งสองวัด ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในเชิงสถาปัตยกรรม แต่ยังสะท้อนถึงหัวใจของศาสนา นั่นคือการไม่ยึดติด กับความแตกต่างในรายละเอียด แต่เปิดรับ และเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ศิลปะที่ถ่ายทอดลง บนโครงสร้างของวัดทั้งสอง จึงเต็มไปด้วยความวิจิตร ที่เชิญชวนให้ผู้มาเยือน รู้สึกปลื้มปิติ และแน่นอนว่าท่าน จะได้สัมผัสความ "ว้าว" แบบเดียวกัน เมื่อได้มาชมด้วยตาตัวเอง การเดินทางครั้งนี้ ไม่เพียงนำท่านมาสัมผัสศิลปะ แต่ยังเผยให้เห็นถึงพลัง ของการอยู่ร่วมกัน ในความแตกต่าง อย่างสง่างาม.

ปางอุ๋ง "ความรู้สึก ซีซ่าร์ถึงบ้านแล้ว"

ปางอุ๋ง: ความงามแห่งธรรมชาติที่ซ่อนเร้น

ท่ามกลางป่าสนธรรมชาติดึกดำบรรพ์ ปางอุ๋งเปรียบเสมือนอัญมณี ที่ซ่อนตัวอย่างมิดชิด อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ เป็นแลนด์สเคป ที่ทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ด้วยการผสมผสานระหว่างน้ำ ป่า และสายหมอกบางเบาในยามเช้า ออกซิเจนประจุลบ ที่เกิดจากธรรมชาติรอบด้าน ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยอากาศที่เย็นสดชื่น จนสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ของป่า ทุกตารางนิ้ว ถูกโอบล้อมด้วยความงดงาม ของทะเลน้ำจืด ที่สะท้อนเงาป่าสน และสายหมอก ที่ทอดตัวปกคลุม เหมือนผืนผ้าแห่งความลึกลับ ความหนาวเย็นบางครั้ง มากเสียจนผู้มาเยือน โหยหาแสงแดดอุ่น แต่ก็ยังหลงใหลในความสงบงาม ของปางอุ๋ง

การเดินทางไปถึงปางอุ๋งไม่ง่าย ต้องขับรถเลาะเลี้ยวบนถนนแคบ ที่ไต่ผ่านไหล่เขาและป่าสนที่หนาทึบ ราวกับเป็นการทดสอบความอดทน ของผู้แสวงหาความงาม แต่เมื่อมาถึงแล้ว ทุกสิ่งที่พบเห็น จะทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่า ทุกการเดินทาง และนั่นเอง ที่ทำให้เข้าใจอารมณ์ของ ซีซาร์ ลิงตัวเอกใน Planet of the Apes เมื่อทอดสายตามองทะเลน้ำจืด และแหงนหน้ามองป่าสน ที่สมบูรณ์แบบ เขาคงจะอุทานในใจว่า “ซีซ่าร์ถึงบ้านแล้ว”— แม้ว่าคุณไม่รู้สึกว่าถึงบ้านแล้ว แต่คุณจะสัมผัสได้ ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ อย่างที่ ซีซาร์ เข้าใจเลยละ

หมู่บ้านสันติชล ปาย...

หมู่บ้านสันติชล: เสน่ห์วัฒนธรรมยูนนานที่ห้ามพลาด

ว่ากันว่าผู้อพยพ มักสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ เพราะแรงผลักดัน ที่มาจากความจำเป็น และความหวัง หมู่บ้านสันติชล ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ของชาวจีนยูนนาน ในประเทศไทย ก็เป็นตัวอย่าง ที่สะท้อนคำกล่าวนี้อย่างชัดเจน ชาวจีนยูนนาน ที่อพยพมาตั้งรกราก ณ ที่แห่งนี้ ได้นำวัฒนธรรมดั้งเดิมของพวกเขา มาเป็นรากฐาน ในการพัฒนาหมู่บ้าน และไม่เพียงแต่รักษาไว้ แต่ยังเปลี่ยนให้เป็น เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของชุมชน บ้านดินที่เรียงรายอย่างมีเสน่ห์ ร้านน้ำชาที่มีกลิ่นอายของความสงบ และอาหารยูนนาน รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นแรงดึงดูด ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ต้องแวะมาเยี่ยมชม

เจซีทัวร์จะนำท่าน สัมผัสความงดงามของวิถีชีวิต ที่เรียบง่าย และอบอุ่น ท่ามกลางบรรยากาศ ที่เหมือนหลุดเข้าไป ในอีกยุคหนึ่ง ท่านจะได้ลิ้มลอง อาหารยูนนานแท้ๆ ชิมชาอุ่นๆ ในบรรยากาศบ้านดิน และเดินเล่นในหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว และมิตรภาพ อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ นี้หลุดมือ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่คือการเปิดประตู สู่วัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ที่จะทำให้ท่าน “ยิ้มด้วยความตื่นตาตื่นใจ” ไปตลอดการเดินทาง

จุดชมวิวหยุนไหล-ไม่มีเหตุผล

จุดชมวิวหยุนไหล: ความงามที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนนกเด้าลม

นกเด้าลม (Wagtail bird) เป็นนกตัวเล็ก ที่มีลักษณะพิเศษคือ หางของมันจะสั่นตลอดเวลา เมื่อเกาะอยู่บนกิ่งไม้อย่างนิ่งๆ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ พยายามศึกษาว่าเหตุใด พฤติกรรมนี้จึงเกิดขึ้น แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ชัดเจน นอกจากการค้นพบว่า "มันไม่สามารถบังคับหางตัวเองได้" เหมือนเป็นกลไก ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับความรู้สึก ที่ยากจะควบคุม เมื่อยืนอยู่บนจุดชมวิวหยุนไหล ท่ามกลางภาพทะเลหมอกกว้างใหญ่ ที่ทอดยาวสุดสายตา ความสวยงาม ที่ล้นพ้นนั้น ทำให้หัวใจพองโต จนแทบระเบิด ความตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ ก็เหมือนหางของนกเด้าลม—ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ยากที่จะเก็บอาการได้

ยามที่หมอกขาวลอยละล่อง ผสมผสานกับแสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างงดงาม เกินกว่าจะบรรยาย คุณอาจพบว่า ตัวเองตกอยู่ในสภาวะ ที่ควบคุมความตื้นตันไม่ได้ ทำนองเดียวกับนกเด้าลม ที่ไม่อาจหยุดหางตัวเอง จากการสั่น นี่คือช่วงเวลา ที่ธรรมชาติบีบบังคับ ให้คุณปล่อยใจไปกับความ “Wow” จนต้องหลุดเสียงออกมา โดยไม่รู้ตัว มันเป็นความรู้สึก ที่เกิดขึ้นจากการที่ ทุกองค์ประกอบของธรรมชาติ มาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้จุดชมวิวหยุนไหล กลายเป็นสถานที่ ที่ตราตรึงใจผู้มาเยือนทุกคน

ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผน มาเยือนจุดชมวิวหยุนไหลในทริปนี้ ขอให้เตรียมใจกับความรู้สึก ที่ทะลักล้นจนยากจะควบคุม —เหมือนกับนกเด้าลม ที่ปล่อยให้ธรรมชาติ กำหนดจังหวะหางของมัน เพราะไม่ว่าจะเป็นทะเลหมอกยามเช้า ทิวทัศน์กว้างใหญ่ หรืออากาศบริสุทธิ์รอบตัว ทุกสิ่งล้วนสร้างความประทับใจ ที่ยากจะลืมเลือน และทำให้คุณหลุดเสียง “Wow” ออกมาแบบไม่รู้ตัว.

บ้านรักไทย in, on, at, beside ทะเลสาบ กลางหุบเขา

หมู่บ้านรักไทย: สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความเรียบง่ายท่ามกลางสายหมอก

หมู่บ้านรักไทย ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา และทะเลสาบอันเงียบสงบ เป็นชุมชนของชาวจีนยูนนาน ที่อพยพเข้ามาก่อนปี พ.ศ. 2510 วิถีชีวิตของชาวบ้าน ยังคงเรียบง่าย และยึดโยงกับธรรมชาติ พวกเขาปลูกชา และพืชไร่ตามความถนัด บ้านเรือนเรียงรายล้อมรอบทะเลสาบ โดยมีไร่ชา ที่ปลูกลดหลั่นขึ้นไปตามแนวเขา ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายตลอดปี ในฤดูหนาว สายหมอกบางเบา จะลอยปกคลุมทะเลสาบ กลายเป็นภาพที่งดงาม ราวกับฉากในฝัน เป็นความงดงาม ที่ทำให้ที่นี่ กลายเป็นจุดหมายปลายทางในฝัน ของผู้ที่แสวงหาความสงบ และความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ

"สวยจนจำเป็นต้องมา" ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง เพราะบรรยากาศของหมู่บ้านรักไทย จะทำให้ความคิดวุ่นวายหรือ Dissonance ในหัวของคุณ หายไปในทันที ทะเลสาบที่นิ่งสงบ และไร่ชาที่โอบล้อม เหมือนอ้อมกอดของขุนเขา เป็นดั่งการบำบัด ให้จิตใจได้พักผ่อน จากความวุ่นวายของโลกภายนอก ทริปนี้จึงไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นการมอบของขวัญให้ตัวเอง ด้วยช่วงเวลาที่งดงาม และความทรงจำที่ไม่มีวันลืม.

650 ไร่ เหนือน้ำทะเลบนความสูง 1600 เมตร

ดอยแม่อูคอ: ความงามที่สะกดทุกประสาทสัมผัส

ดอยแม่อูคอ หนึ่งในจุดหมายปลายทาง ที่งดงามที่สุดของแม่ฮ่องสอน โดดเด่นด้วยทุ่งดอกบัวตอง สีเหลืองสดใส ที่บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นธันวาคม เมื่อดอกบัวตองพร้อมใจกัน บานสะพรั่ง ทอดยาวไปทั่วทั้งดอย จนกลายเป็นทะเลดอกไม้สีเหลือง ที่ตัดกับท้องฟ้าสีคราม สร้างภาพความงาม ที่ราวกับหลุดมาจากภาพวาด แต่แม้ในวัน ที่ดอกบัวตองร่วงโรยไปแล้ว ดอยแม่อูคอก็ยังคงมีเสน่ห์ของมัน ใบเขียวชอุ่มของพืชพรรณ ที่ปกคลุมพื้นที่ กลับกลายเป็นฉากธรรมชาติที่งดงาม ตัดกับสายหมอกบางที่ลอยละล่องรอบดอย เติมเต็มความสดชื่น ให้กับทุกการเยี่ยมเยือน

จากจุดชมวิวสูงสุดของดอยแม่อูคอ คุณจะได้สัมผัสมุมมองแบบพาโนรามา ที่สามารถมองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า เสียงสายลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมของธรรมชาติ จะปลุกทุกประสาทสัมผัสให้ตื่นตัว ทัศนียภาพรอบด้าน งดงามจนยากจะหาคำบรรยาย ไม่เพียงแค่ตาเท่านั้น ที่ได้รับความสุข แต่ยังรวมถึงหูที่ได้ฟังเสียงธรรมชาติ จมูกที่สูดอากาศบริสุทธิ์ และใจที่รู้สึกสงบ เมื่ออยู่ท่ามกลางความงามบริสุทธิ์แบบนี้ ดอยแม่อูคอจึงไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นประสบการณ์ ที่จะตราตรึงในความทรงจำของคุณ ไปอีกนาน.

ดอยปุย - แหล่งท่องเที่ยวเปิดเกมส์ของเชียงใหม่

ดอยปุย: การเดินทางสู่ยอดดอยแห่งความงดงามและวัฒนธรรม

การเดินทางสู่ดอยปุย เริ่มต้นด้วยเส้นทางสายเดียวกัน กับวัดพระธาตุดอยสุเทพ ผ่านถนนที่คดเคี้ยว เลาะเลียบไหล่เขา ลัดเลาะเข้าสู่ป่าดงดิบสงวน ที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความหนาวเย็นของอากาศกลางเขานั้น เหมือนมีใครปรับแอร์ไว้ให้พอดี เปิดกระจกรถ สูดรับอากาศสดชื่นได้ตลอดทาง ขณะล้อรถเริ่มหมุน การเดินทาง ก็เหมือนเริ่มต้นบทผจญภัย ที่น่าตื่นเต้น และแน่นอนว่าปลอดภัย เพราะทีมขับรถของเจซีทัวร์ ล้วนเป็นมืออาชีพ ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด

เมื่อมาถึงยอดดอยปุย ความงามที่รอคอยอยู่ ทำให้หัวใจเต้นแรง ชุมชนชาวเขาเผ่าม้ง ที่ตั้งอยู่บนดอยเป็นมากกว่าหมู่บ้าน แต่เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่เล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตดั้งเดิม สวนกุหลาบที่เบ่งบาน อวดสีสันกลางความหนาว เหมือนพรมดอกไม้ที่รอการสัมผัส จากจุดชมวิว 360 องศา คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม จนแทบหยุดหายใจ ความเขียวขจีของป่า ท้องฟ้าสีคราม และหมอกขาวที่ลอยละล่อง เป็นภาพที่ยากจะลืมเลือน

นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราว ของดอยตุง ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ พร้อมทั้งกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมดั้งเดิม ให้คุณได้ชมและสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ หรือการแสดงพื้นเมือง การมาเยือนดอยปุย จึงไม่ใช่แค่การเดินทาง เพื่อชมธรรมชาติ แต่เป็นการเดินทาง สู่หัวใจของวัฒนธรรม ที่หลอมรวมความงามของธรรมชาติ และมนุษย์ไว้ด้วยกัน รับรองว่าเวลาที่ท่านใช้ ในการดั้นด้นขึ้นมา จะคุ้มค่าเกินคำบรรยาย.

ดอยสุเทพ (มาทุกครั้งมีความสุข ทุกครั้ง)

วัดพระธาตุดอยสุเทพ: งดงามเหนือกาลเวลาสู่ความประทับใจในทุกครั้งที่มาเยือน

วัดพระธาตุดอยสุเทพ ถือเป็นหัวใจสำคัญ ของเชียงใหม่ ด้วยองค์พระธาตุที่สร้างขึ้น ในศิลปะล้านนาอันวิจิตร ผสมผสาน กับการประยุกต์ ของ "สล่าระดับอ๋อง" ที่เติมความงดงาม ให้องค์พระธาตุได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความงามขององค์พระธาตุ เหมือนมีชีวิต— มองหนึ่งครั้งสวย มองครั้งต่อไปกลับยิ่งงดงามขึ้น ราวกับมีมนต์สะกด เมื่อวานที่เคยดูว่างดงามแล้ว วันนี้กลับรู้สึกว่า มันช่างสวยล้ำยิ่งกว่าเดิม ความสวยที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นความงดงาม ระดับจิตวิญญาณ ที่ชวนให้ศรัทธา และสงบใจทุกครั้ง ที่ได้มาสักการะ

รอบๆ วัดยังมีเสน่ห์ที่ดึงดูด ไม่แพ้องค์พระธาตุ จากจุดชมวิวสูงสุดของวัด ท่านสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ ในมุม 360 องศา ภาพของทิวเขา ท้องฟ้าสีคราม และตัวเมืองที่ทอดยาวออกไป จนสุดสายตา เป็นภาพที่ตราตรึงใจ และยากจะลืม การมาเยือนวัดพระธาตุดอยสุเทพ จึงไม่ใช่เพียงการมาเพื่อสักการะ แต่ยังเป็นการสัมผัสเสน่ห์ของเชียงใหม่ ในมุมที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าท่านจะเคยมาแล้วหรือไม่ วัดแห่งนี้ยังคงเป็นจุดหมายที่ “ต้องมา” ทุกครั้งที่เยือนเชียงใหม่ เพราะทุกครั้งที่มา ความประทับใจจะมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความงดงาม ขององค์พระธาตุ ที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน.

พระตำหนัก ภูพิงราชนิเวศ

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์: ความงดงามท่ามกลางสวรรค์แห่งดอกไม้

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในจังหวัดเชียงใหม่ ความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ ความเป็นพระราชวังที่สง่างาม แต่ยังเป็นสวรรค์ของดอกไม้เมืองหนาว ที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน รอบบริเวณพระตำหนัก ทุกตารางเมตรของพื้นที่ เต็มไปด้วยแปลงดอกไม้เมืองหนาว หลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์หายาก ที่ไม่พบเห็นได้ทั่วไป สวนดอกไม้เหล่านี้ ผลิบานตามฤดูกาล และเปลี่ยนสีสันไป ในแต่ละช่วงเวลา ทำให้พระตำหนักภูพิงค์ เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา และความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง ที่มาเยือน

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือสวนกุหลาบหลวง ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในสวนกุหลาบ ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ที่นี่มีทั้งกุหลาบหลากสี และพันธุ์หายากจากทั่วโลก ให้ได้ชื่นชม บรรยากาศอันเงียบสงบ ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ และดอกไม้ ทำให้พระตำหนักภูพิงค์ ได้รับการเปรียบเปรยว่า เป็น "สวรรค์บนดิน" หากสวรรค์มีจริง สถานที่แห่งนี้ก็คือ ภาพจำลองที่ใกล้เคียงที่สุด ไม่ว่าจะเดินชมสวนดอกไม้ หรือนั่งพักท่ามกลางอากาศเย็นสบาย พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ คือสถานที่ที่ทั้งจิตใจ และร่างกาย จะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง สร้างความประทับใจ ที่ยากจะลืมเลือน.

วัดเจดีย์ หลวง

วัดเจดีย์หลวง: สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนา

วัดเจดีย์หลวง เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดของเชียงใหม่ และเป็นเครื่องหมาย แสดงถึงความรุ่งเรือง ของอาณาจักรล้านนา ในอดีต องค์เจดีย์โบราณขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านด้วยความสง่างาม และทรงอำนาจ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ซึ่งในอดีต เคยมีความสูงถึง 82 เมตร และเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรมของล้านนา ความงดงาม และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของวัดเจดีย์หลวง ดึงดูดนักศึกษาสาขามนุษยศาสตร์ โบราณคดี และศิลปะ รวมถึง ผู้หลงใหลในวัฒนธรรม จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรป เอเชีย อเมริกา และคนไทย ทุกคนต่างมาที่นี่ เพื่อสัมผัสกลิ่นอายของอดีต และความล้ำค่า ของมรดกทางศิลปะ และสถาปัตยกรรม

ภายในวัดเจดีย์หลวง ยังมีความน่าตื่นตาตื่นใจ ซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัตถุโบราณ พระพุทธรูป ที่มีความงดงามเฉพาะตัว หรือบรรยากาศเงียบสงบ ที่ชวนให้รู้สึกถึง ความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ละก้าวที่เดินสำรวจ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอย่างไม่รู้จบ การมาเยือนที่นี่ จึงไม่ใช่แค่ การชมเจดีย์โบราณ ที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นการผจญภัย ในโลกแห่งประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่ทำให้ทุกผู้มาเยือนตื่นเต้น และประทับใจ ตลอดการเดินสำรวจ.

วัดพระสิงห์ - อีกหนึ่งความหมายของเชียงใหม่

วัดพระสิงห์: ศูนย์รวมศิลปะล้านนาและปริศนาแห่งธรรมะ

วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ในเขตคูเมืองชั้นใน ของเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยเจดีย์ที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนความงดงาม ของศิลปะล้านนา ที่ถูกบรรจงสร้าง และปรับแต่งโดยนักศิลปะชั้นยอด ในยุคนั้น ภายในวัดยังมีหอธรรมะ ที่วิจิตรตระการตา ทุกลวดลายสะท้อนถึงภูมิปัญญา และความศรัทธาอย่างลึกซึ้ง วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดประจำปีมะโรง ตามคติความเชื่อ แต่ความงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียง ผู้ที่เกิดปีมะโรงเท่านั้น ทุกคนที่ก้าวเข้ามา ล้วนสามารถสัมผัสพลังแห่งศรัทธา และความสงบในใจได้ ไม่ต่างกัน

สิ่งที่ทำให้วัดพระสิงห์น่าสนใจยิ่งขึ้น คือเสน่ห์ของสถานที่ ที่เต็มไปด้วยปริศนาธรรมะ และจุดเรียนรู้มากมาย ที่แฝงไว้ในสถาปัตยกรรม และศิลปะวัตถุต่างๆ ผู้มาเยือนสามารถพบแรงบันดาลใจ และคำตอบที่ลึกซึ้ง ผ่านความงามที่รายล้อม ไม่ว่าจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง พระพุทธรูปสำคัญ หรือมุมสงบเงียบในวัด ความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้วัดพระสิงห์ เป็นจุดหมายปลายทาง ที่เต็มไปด้วยความน่าค้นหา และเป็นสถานที่ ที่ดึงดูดผู้แสวงหาความงาม และความหมายจากทั่วทุกมุมโลก.

ขันโตกดินเนอร์ - อาหารเย็นมีวัฒนธรรมแสดงให้ชม

Kantok Dinner: ค่ำคืนแห่งวัฒนธรรมล้านนาอันล้ำค่า

การรับประทานอาหารเย็น แบบ Kantok Dinner เป็นโอกาสพิเศษ ที่นำท่านเข้าสู่ โลกของวัฒนธรรมล้านนา อย่างแท้จริง อาหารพื้นเมือง ที่ถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน เช่น น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แกงฮังเล และข้าวเหนียว เสิร์ฟในขันโตกแบบดั้งเดิม ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น และเป็นกันเอง สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ รายล้อมด้วยการตกแต่ง และกลิ่นอาย ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตดั้งเดิม ของชาวล้านนาอย่างชัดเจน

ขณะรับประทานอาหาร ท่านจะได้เพลิดเพลิน กับการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่งดงาม และเปี่ยมเสน่ห์ เช่น ฟ้อนเทียน ฟ้อนเล็บ และดนตรีพื้นเมืองล้านนา ที่ช่วยเติมเต็มค่ำคืนนี้ ให้มีชีวิตชีวา Kantok Dinner จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในยามค่ำคืน ระหว่างการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ท่านจะได้รับความทรงจำอันล้ำค่า ที่สามารถนำไปเล่าต่อ ให้กับคนรอบตัว เป็นหนึ่งในประสบการณ์ ที่สะท้อนถึงแก่นแท้ ของวัฒนธรรมล้านนา ได้อย่างสมบูรณ์แบบ.

ดอยม่อนแจ่ม - เสน่ห์ที่ไม่เคยหมดอายุ

ม่อนแจ่ม: เสน่ห์แห่งเนินเขา ที่มองเห็นได้รอบทิศ

ม่อนแจ่ม หนึ่งในจุดหมายปลายทาง ที่โดดเด่นที่สุด ในบรรดา "ม่อน" กว่า 6 แห่งในพื้นที่นี้ (คำว่า "ม่อน" หมายถึงเนินเขา ที่มีความสูงไม่มาก แต่โดดเด่นด้วยรูปร่าง ที่สวยงามน่ามอง) รอบๆ ม่อนแจ่ม ยังมีเนินเขาอื่นๆ เช่น ม่อนม่วน ม่อนวิวงาม ม่อนตะวัน ม่อนไผ่ และม่อนอื่นๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ แต่เหตุผลที่ม่อนแจ่ม กลายเป็นที่โปรดปราน คือเพราะเป็นม่อนเดียว ที่สามารถมองเห็นม่อนทั้งหมด ในจุดเดียว ได้อย่างชัดเจน เสมือนม่อนแจ่ม เป็นจุดศูนย์กลาง ที่รวบรวมวิวทิวทัศน์อันงดงาม ไว้ให้คุณดื่มด่ำได้ แบบ 360 องศา

เสน่ห์ของม่อนแจ่ม ไม่ได้มีแค่ทิวทัศน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสวนดอกไม้ ที่เบ่งบานตลอดทั้งปี อากาศสดชื่นเย็นสบายทุกฤดูกาล และกิจกรรมสนุกๆ ที่รอให้คุณสัมผัส เช่น การเดินเล่นบน Sky Walk ดอกไม้ที่เหมือนลอยอยู่เหนือทุ่งดอกไม้หลากสี และกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ อย่างการขับรถแม้ว ที่ทั้งสนุกและผจญภัย (ข่าวดีคือ ในแพ็คเกจนี้ ทุกคนจะได้ลองขับแน่นอน) นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรม และสถานที่น่าสนใจ ที่รอให้คุณได้ค้นพบ ม่อนแจ่มจึงไม่เพียงแต่ เป็นสถานที่ชมวิว แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่ครบครัน ทั้งความงาม ความสดชื่น และความสนุก ที่คุณจะจดจำไปอีกนาน.

ดอยอินทนนท์:

ดอยอินทนนท์: จุดสูงสุดแห่งความงดงามและความสดชื่น

ดอยอินทนนท์ ความสูง 2,565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยืนหยัดอย่างสง่างาม ในฐานะยอดเขา ที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ความสูงนี้ จะไม่มีความหมายเลย หากไม่ได้มาพร้อมกับความงดงาม ที่ตราตรึงใจ และธรรมชาติที่บริสุทธิ์ จนเหมือนหลุดออกมา จากภาพฝัน อากาศบนยอดดอยนี้ มีเพียงสองโหมดเท่านั้น คือสดชื่นมาก และสดชื่นที่สุด อุณหภูมิที่นี่ ไม่เคยทะลุเกิน 10 องศาเซลเซียส ในทุกฤดู และในฤดูหนาว ตัวเลขจะลดต่ำจนติดลบ สร้างความหนาวเย็น ที่ทำให้ลมหายใจของคุณ รู้สึกเหมือนละอองหมอก ความรู้สึกเย็นสบายที่ปะทะใบหน้า ผสานกับเสียงลม และกลิ่นป่าดิบชื้น สร้างบรรยากาศ ที่ทำให้คุณรู้สึก เหมือนได้ก้าวสู่โลกอีกใบ

นอกจากธรรมชาติ ที่ยากจะหาใดเทียบ ดอยอินทนนท์ยังงดงาม ด้วยพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เจดีย์คู่ที่ตั้งตระหง่าน ท่ามกลางทะเลหมอก และทิวเขาเขียวขจี รอบๆ เจดีย์ถูกแต่งแต้ม ด้วยสวนดอกไม้เมืองหนาว ที่บานสะพรั่ง ในสีสันหลากหลาย ราวกับภาพจิตรกรรมแห่งฤดูกาล ยิ่งเติมเต็มอารมณ์ของผู้มาเยือน ให้รู้สึกว่า “ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต” ดอยอินทนนท์ จึงไม่ได้เป็นแค่จุดสูงสุดของประเทศ แต่ยังเป็นจุดสูงสุด ของความประทับใจ และความงดงาม ที่รอให้คุณมาสัมผัส ด้วยตัวเอง

น้ำตกวชิรธาร

น้ำตกวชิรธาร: ความงามที่หลั่งไหลมาพร้อมความสดชื่นระดับมหัศจรรย์

น้ำตกวชิรธาร ได้รับการขนานนามว่า เป็นน้ำตกชั้นเดียว ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยม่านน้ำกว้างใหญ่ ที่หลั่งไหลจากหน้าผาสูง สู่บึงน้ำเบื้องล่าง สร้างภาพของละอองน้ำ ที่กระจายตัวออกมา ราวกับหมอก และหากแสงแดดตกกระทบพอดี คุณจะได้เห็นสายรุ้ง โค้งงดงาม ที่เกิดขึ้นเหนือบึงน้ำ เป็นภาพมหัศจรรย์ ที่ยากจะละสายตา ทัศนียภาพโดยรอบของน้ำตก ถูกล้อมรอบ ด้วยป่าดิบชื้นระดับ Ancient Forest ซึ่งมีความสมบูรณ์สูงสุด เสมือนเป็นธรรมชาติ ที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องโดยมนุษย์

สิ่งที่ทำให้น้ำตกวชิรธาร พิเศษไปกว่านั้น คืออากาศ ที่เปี่ยมไปด้วยอิออนประจุลบ ในปริมาณสูง เมื่อเดินเข้าสู่บริเวณน้ำตก ร่างกายจะรู้สึกถึง "ความสดชื่น" ทันทีที่สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หัวใจจะสูบฉีดออกซิเจน ที่ผสมด้วยประจุลบนี้ไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกที่ได้ จึงเย็นสบาย ทั้งความสดชื่น จากภายในสู่ภายนอก ท่ามกลางเสียงน้ำตก ที่ดังก้องราวกับเสียงดนตรีจากธรรมชาติ น้ำตกวชิรธาร นอกจากจะมีสถานที่ที่งดงามแล้ว ยังเป็นแหล่งพลังชีวิต ที่คุณจะสัมผัสได้ ในทุกวินาที ที่ยืนอยู่ ณ จุดนั้น.

	Program: 10 วัน
	วันที่ 1: การเดินทางที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและความประทับใจ 08.00 น. ทีม CSO (Customer Service Officer) ไกด์ทัวร์ และคนขับรถผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรถคันสะอาดเอี่ยม รอต้อนรับท่านลูกค้า ก่อนเครื่องลงจอด 20 นาที ทีมงานต้อนรับอย่างอบอุ่น เก็บสัมภาระขึ้นรถ และเชิญท่านขึ้นรถ ทัวร์ไกด์แนะนำตัว พร้อมทั้งสรุปโปรแกรม สำหรับวันแรกภายใต้แนวคิด “การเร่ร่อนอย่างเสรี แต่มีจุดหมาย ยกคุณค่าประสบการณ์” 10.30 น. เดินทางถึงจังหวัดลำพูน วัดสันป่ายางหลวง: ชมวิหารไม้ตะเคียนทอง และไม้แดง ที่งดงามพร้อมศิลปะล้ำลึก สะท้อนถึงปริศนาธรรม ที่หาชมได้ยาก หนึ่งใน 10 วิหาร ที่สวยที่สุดในประเทศไทย วัดพระธาตุหริภุญชัย: ชมองค์พระธาตุที่สง่างาม คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมากว่าพันปี สถานที่ ที่เต็มไปด้วยคุณค่า และความศรัทธา วัดพระธาตุอินแขวนลำพูน: จุดชมวิวมุมสูง ที่สวยเกินคำบรรยาย พร้อมทิวทัศน์ที่โดดเด่น และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี: แวะสักการะ "เทพแห่งความรัก" และชื่นชมเรื่องราวความยิ่งใหญ่ ของปฐมกษัตริย์แห่งลำพูน 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ในเมืองลำพูน ที่ร้านอาหารพื้นเมืองรสเลิศ 13.00 น. เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เมืองลำพูน: ชมของโบราณและศิลปะล้านนา ที่เล่าเรื่องราวตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ของเมืองลำพูน 15.00 น. เดินทางถึงจังหวัดลำปาง เมืองแห่งรถม้า เพลิดเพลินกับการ นั่งรถม้าชมเมือง ชมเสน่ห์ของลำปาง ที่ผสมผสานความเก่าแก่ และความร่วมสมัย อย่างลงตัว 16.00 น. ชมวิวที่สวยงามที่ วัดดอยพระณาณ ก่อนเดินทางเข้า Check-In ที่พักสุดหรู โรงแรมเวียงลคอร 18.30 น. รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารใกล้ถนนคนเดิน ตลาดกาดกองต้า ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หลากหลาย ทั้งสินค้าแฮนด์เมด การแสดงวัฒนธรรมริมถนน และอาหารพื้นเมือง ที่น่าลิ้มลอง ใช้เวลาเดินเล่นอย่างเต็มที่ ทีม CSO และทีมบริการพร้อม Stand By ดูแลท่าน ตลอด 24 ชั่วโมง สรุปวันแรก: การเดินทาง ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนา ความงดงาม ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และการผจญภัยในเมืองลำพูน และลำปาง ที่ตราตรึงใจ. วันที่ 2: เส้นทางแห่งศรัทธา วัฒนธรรม และธรรมชาติที่งดงาม 07.00 น. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ด้วยอาหารเช้าที่พัก พร้อมรับพลังสำหรับการเดินทางตลอดวัน 08.00 น. Check-Out และออกเดินทางสู่ วัดเจดีย์ซาวหลัง ที่ชื่อเสียงเลื่องลือด้วยเจดีย์ถึง 20 องค์ ในวัดเดียว ซึ่งสะท้อนถึงความศรัทธาอันแรงกล้า ของชาวพุทธในอดีต สถานที่นี้ ไม่เพียงให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ แห่งประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ที่ทรงคุณค่า 09.00 น. เดินทางต่อไปยัง บ้านเสานัก เรือนไม้โบราณ อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี ความน่าทึ่งอยู่ที่ "เสา" ที่เป็นหัวใจของบ้าน ทั้ง 116 ต้น ที่ยังคงแข็งแรง และงดงาม ทำให้จินตนาการ ถึงวิถีชีวิตในยุคโบราณ ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นที่นี่ เต็มไปด้วยความสนุก และความสงสัย บรรยากาศที่คงความดั้งเดิม ช่วยสร้างความประทับใจ ไม่รู้ลืม จากนั้นแวะชมโรงงานเซรามิกชั้นนำของภาคเหนือ ธนบดีเซรามิก สัมผัสกระบวนการเปลี่ยนแร่ดินขาว ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ คุณภาพระดับโลก ผ่านขั้นตอนการผลิต ที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมเลือกซื้อของฝากกลับบ้าน 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันในบรรยากาศผ่อนคลาย 13.30 น. เดินทางสู่ พระมหาธาตุลำปางหลวง หนึ่งในพระธาตุที่มีชื่อเสียง และความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ในประเทศไทย สัมผัสความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนา และเรื่องราวปาฏิหาริย์ ที่ถ่ายทอดผ่านกาลเวลา ทำให้สถานที่แห่งนี้ เปี่ยมด้วยความมหัศจรรย์ ในทุกมุมมอง 16.00 น. เดินทางถึง กว๊านพะเยา ทะเลน้ำจืดที่กว้างสุดสายตา บรรยากาศเย็นสบาย ด้วยลมพัดผ่านตลอดเวลา ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ตั้งแต่วินาทีแรก ที่มาถึง ทัวร์ไกด์จัดเรือ พาท่านล่องสู่กลางกว๊าน เพื่อนมัสการ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดติโลกอาราม ที่ค้นพบจากการผุดขึ้นกลางน้ำ อย่างอัศจรรย์ หลังจากนั้น Check-In เข้าพักที่ โรงแรมภูกลอง ซึ่งตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยา พร้อมรับอากาศบริสุทธิ์ ที่เต็มไปด้วยอิออนประจุลบ มากที่สุดในประเทศไทย 18.00 น. รับประทานอาหารเย็นที่ ร้าน Good View ท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่าย ริมกว๊าน พร้อมสัมผัส Nightlight ที่เงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์ และความงามของธรรมชาติ ที่จะทำให้ค่ำคืนนี้ น่าจดจำ. วันที่ 3: สัมผัสความงดงามแห่งล้านนา และธรรมชาติในเชียงราย 07.00 น. เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้า ที่โรงแรมที่พัก พร้อมรับพลัง สำหรับการเดินทางวันสุดท้าย 08.00 น. Check-Out และออกเดินทางสู่ วัดศรีโคมคัม วัดประจำจังหวัดพะเยา ที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ที่สุด ในล้านนา "พระเจ้าตนหลวง" ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา ของภาคเหนือตอนบน องค์พระพุทธรูปทรงบารมีนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามในศิลปะล้านนา แต่ยังเปี่ยมด้วยพลังแห่งความสงบ ที่สัมผัสได้ 10.00 น. เดินทางต่อไปยัง ดอยบุษราคัม ดินแดนแห่งความลับ และความงามที่ซ่อนตัว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ท่านจะได้ชม 5 จุดสำคัญ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว และความประทับใจ ความเงียบสงบ และสมบูรณ์ของผืนป่าบนขุนเขา ทำให้สถานที่แห่งนี้ เปรียบดั่งอัญมณี ที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ก่อนออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงราย 15.00 น. ถึง วัดร่องขุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดขาว" ผลงานชิ้นเอกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ทุกพื้นที่ของวัด ถ่ายทอดเรื่องราว และความหมายทางพุทธศาสนา ในมุมมองที่แตกต่าง ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตร ที่งดงามเหนือคำบรรยาย วัดแห่งนี้ ไม่เพียงสร้างความประทับใจทางสายตา แต่ยังพาผู้เยี่ยมชม เข้าสู่การฝึกจิตวิญญาณ และพิจารณาธรรม ในความหมายลึกซึ้ง 16.00 น. เยี่ยมชม ไร่สิงห์ปาร์ค (Singha Park) แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ผสานเกษตรกรรม เข้ากับความงดงาม ท่านจะได้พบกับ พื้นที่เพาะปลูกพืชหลากชนิด ที่แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ พร้อมวิวทิวทัศน์ ที่น่าตื่นตาตลอดเส้นทางการชม เป็นสถานที่ ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน และดื่มด่ำความงามของธรรมชาติ 18.00 น. เข้า Check-In ที่ โรงแรม Le Meridien เชียงราย ซึ่งได้รับการคัดเลือก มาอย่างพิถีพิถัน โดดเด่นด้วยความสะดวกสบาย และบริการที่ยอดเยี่ยม รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารท้องถิ่นรสเลิศ ในเมืองเชียงราย ก่อนเดินเล่นที่ ถนนคนเดินเชียงราย สัมผัสบรรยากาศ ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความหลากหลาย ทั้งสินค้า งานฝีมือ และการแสดงเชิงวัฒนธรรม ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ในยามค่ำคืน วันที่ 4: สัมผัสวัฒนธรรม ธรรมชาติ และความงดงามเหนือจินตนาการ 07.00 น. เริ่มต้นวันด้วยอาหารเช้าที่แสนอร่อย เติมพลังสำหรับการเดินทาง ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ อันน่าตื่นตา 08.00 น. ออกเดินทางไปชม วัดร่องเสือเต้น หรือวัดสีน้ำเงิน ที่สะกดทุกสายตา ความงดงาม ของอัญมณีสีน้ำเงินแห่งนี้ เปรียบเสมือนงานศิลป์ ที่ยากจะหาที่เปรียบ ลวดลายและสีสัน ที่งดงามของอุโบสถ ทำให้ทุกมุมที่มองเห็น กลายเป็นภาพจำ ที่ประทับใจ 10.00 น. เดินทางต่อไปยัง วัดห้วยปลากั้ง ชม เจดีย์พบโชค 9 ชั้น ที่งดงามตระการตา และนมัสการเจ้าแม่กวนอิม ที่สลักจากไม้จันทร์หอม บรรยากาศรอบวัดเงียบสงบ และเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา ขึ้นลิฟต์ชมภายในองค์พระแม่กวนอิม ที่สูงเสียดฟ้า พร้อมชื่นชมงานจิตรกรรมฝาผนัง ที่บอกเล่าเรื่องราวของพุทธศาสนา และปริศนาธรรมอันล้ำค่า จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ สถานที่ซึ่งชายแดนไทย ลาว และพม่าบรรจบกัน มอบภาพทิวทัศน์ที่งดงาม และเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ริมแม่น้ำโขง เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่อบอุ่น และงดงาม 13.00 น. เดินทางต่อสู่ดอยผาฮี้ สัมผัสทิวทัศน์ทะเลกรีนสุดลูกหูลูกตา พร้อมทัศนียภาพที่ทอดยาว ไปถึงฝั่งพม่า แวะ ดอยผาหมี เพื่อเรียนรู้และชื่นชม อุตสาหกรรมใบชา เดินทางผ่าน ดอยช้างมูบ และ พระตำหนักดอยตุง เพื่อสัมผัสสวนดอกไม้เมืองหนาว ที่ว่ากันว่าสวยที่สุด 15.00 น. แวะพักผ่อนที่ ไร่ชาฉุยฟง ลิ้มรสความสดชื่น ของเครื่องดื่มชา ท่ามกลางไร่ชาสีเขียวขจี และสายลมเย็นสบาย บรรยากาศที่นี่จะทำให้ทุกความเหนื่อยล้า หายเป็นปลิดทิ้ง 16.00 น. เดินทางขึ้น ดอยแม่สลอง เยี่ยมชม สุสานนายพลต่วน สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสงบ และทิวทัศน์งดงาม ริมหน้าผา ชม พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี บนยอดดอย จุดที่มอบมุมมอง 360 องศา ท่ามกลางดอกไม้ภูเขา หลากหลายสายพันธุ์ ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล การเดินชมรอบองค์พระเจดีย์ เป็นประสบการณ์ที่งดงาม เหนือคำบรรยาย ปิดท้ายที่ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก บนยอดดอยแม่สลอง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยที่สุด 18.00 น. เข้าพักที่ Flower, Fog and Mountain Resort รีสอร์ทที่ล้อมรอบ ด้วยสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ท่านจะได้ดื่มด่ำ กับบรรยากาศสุดโรแมนติก ที่เหมือนอยู่ในฝัน 18.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่รีสอร์ท ท่ามกลางวิวสุดคลาสสิก จากระเบียงห้องพัก พร้อมสัมผัสความเงียบสงบ และงดงาม ของค่ำคืนบนยอดดอย วันที่ 5: การเดินทางในเส้นทาง Nomad Style สู่ความงดงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรม 07.00 น. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ด้วยอาหารเช้าที่รีสอร์ท Flower, Fog and Mountain Resort พร้อมเติมพลัง สำหรับการเดินทาง 08.30 น. Check-Out และเริ่มต้นการเดินทาง ในแบบ Nomad Style รถจะค่อยๆ แล่นอย่างช้าๆ เพื่อให้ท่านได้ดื่มด่ำ กับวิวทิวทัศน์สุดสวย นอกหน้าต่างรถ การเดินทางที่ไม่เร่งรีบนี้ เปิดโอกาสให้ท่าน สามารถหยุดรถตามจุดที่ต้องการ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ และสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ ระหว่างทาง เราจะค่อยๆ ลงอีกด้านหนึ่งของ ดอยแม่สลอง เพื่อเยี่ยมชม เจดีย์ดอยแม่สลองนอก สถานที่ที่เปี่ยมด้วยความงดงาม และความสงบ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเดินทาง ผู้แสวงหาประสบการณ์อันลึกซึ้ง เจดีย์แห่งนี้ สะท้อนถึงความศรัทธา และทิวทัศน์โดยรอบ ที่คุ้มค่าแก่การมาเยือน ต่อมา ท่านจะได้สัมผัสความผ่อนคลายที่ น้ำพุร้อนฝาง ซึ่งโดดเด่นด้วยน้ำพุร้อน ที่พุ่งสูงที่สุดในประเทศไทย ทุกท่านสามารถแช่น้ำแร่ เพื่อสุขภาพ เดินชมบรรยากาศรอบๆ พร้อมชื่นชมสายรุ้ง ที่เกิดจากไอน้ำพุร้อน เป็นการเติมเต็มความสดชื่น ในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ในบรรยากาศธรรมชาติ 13.00 น. เดินทางขึ้นสู่ ดอยอ่างขาง สถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม ของสวนดอกไม้ และอากาศที่เย็นสดชื่น ตลอดปี ชม สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งแบ่งออกเป็น โซนพันธุ์ดอกไม้ และไม้ประดับเมืองหนาวมากมาย ภายใต้ทัศนียภาพที่งดงาม เหนือคำบรรยาย ทัวร์ไกด์จะนำท่านชม จุดสำคัญบนดอยอ่างขาง ได้แก่: จุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง ที่เปิดมุมมองสุดอลังการ จุดชมวิวม่อนสน ท่ามกลางทิวสนเขียวขจี หมู่บ้านชาวดอยริมหน้าผา ที่สะท้อนวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน จุดชมวิวซุ่ยถัง สถานที่ที่มอบความเงียบสงบ และความงดงามแบบเรียบง่าย สวนส้มธนาธร ชมไร่ส้ม บนพื้นที่ภูเขาที่ปลูกอย่างประณีต 17.30 น. เดินทางเข้าสู่ที่พัก แกมบี้ รีสอร์ท รีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ ที่รายล้อมด้วยทุ่งนา สายหมอก และอากาศหนาวเย็นสดชื่น บรรยากาศที่นี่สร้างความผ่อนคลาย อย่างแท้จริง 18.30 น. รับประทานอาหารเย็นที่รีสอร์ท พร้อมดื่มด่ำกับความงดงาม ของธรรมชาติรอบตัว ในยามค่ำคืน เป็นการปิดท้ายวัน ด้วยความประทับใจ. วันที่ 6: การเดินทางสู่เมืองสามหมอก ท่ามกลางธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่งดงาม 07.00 น. เริ่มต้นวันใหม่ ด้วยอาหารเช้าในบรรยากาศสุดพิเศษ ที่รีสอร์ท ดื่มด่ำกับวิวทะเลหมอก ที่ลดต่ำลงมา จนสัมผัสได้ใกล้ ๆ สร้างความสุข และสดชื่นในทุกอณู 08.00 น. Check-Out และออกเดินทาง สู่เส้นทางแห่งธรรมชาติ อันน่าตื่นตา มุ่งหน้าสู่เมืองสามหมอก อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน รถจะค่อย ๆ ลัดเลาะไปตามทาง ที่โอบล้อมด้วยป่าเขา ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งสองข้างทาง พร้อมหยุดให้ท่าน ได้เก็บภาพ หรือสัมผัสบรรยากาศ ณ จุดที่ต้องการ แวะที่ จุดชมวิวห้วยน้ำดัง และ ดอยกิ่วลม ท่ามกลางความเงียบสงบ ของป่าดงดิบ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางลึกลับ จุดชมวิวเหล่านี้ งดงามราวกับช้างเผือก ที่รอคอยให้ผู้มาเยือน ได้ค้นพบ ชม บ่อน้ำพุร้อนโป่งเดือด ที่พุ่งสูงเป็นเอกลักษณ์ ท่านสามารถเดินชมเส้นทางธรรมชาติ และแช่น้ำแร่ ที่อุณหภูมิกำลังดี พร้อมเพลิดเพลินกับไอน้ำ ที่สะท้อนสายรุ้งสวยงาม เยี่ยมชม สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ที่ทิ้งร่องรอย แห่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้ และปล่อยให้จินตนาการของท่าน ไหลลื่นไปกับคำถาม เกี่ยวกับความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในอดีต 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันบน ดอยหยุนไหล สถานที่ที่เมฆหมอก เคลื่อนตัวเข้าออก อย่างเป็นวัฏจักร ท่านจะได้เพลิดเพลิน กับความงดงามของธรรมชาติ ระหว่างมื้ออาหาร 13.00 น. ชมวิวทิวทัศน์ที่ จุดชมวิวหยุนไหล ในมุมมองที่ครบทุกด้าน ทัวร์ไกด์จะนำท่าน สำรวจและดื่มด่ำ กับความงามของทิวเขา และหมู่บ้านในระยะไกล 15.00 น. เดินทางสู่ วัดน้ำฮู สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ของ "อจินไตย" ซึ่งคือพระพุทธรูป ที่มีน้ำผุดจากพระเศียรตลอดเวลา ไม่ว่าจะเอาน้ำออกเท่าใด น้ำก็ยังคงกลับมาใหม่ เป็นเรื่องราวลี้ลับ ที่ยากจะอธิบาย เดินชม ปายแคนย่อน หรือ กองแลนด์ หุบเหวลึก ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ของเปลือกโลก ท่ามกลางป่าไม้ทองคำ ที่งดงามอย่างน่าทึ่ง ต่อด้วยลำธารน้ำแร่ธรรมชาติ อันเลื่องชื่อ ที่ใสสะอาด และลดหลั่นเป็นชั้น ๆ อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับแช่ตัว สร้างความสดชื่น และผ่อนคลาย เยี่ยมชม พระธาตุแม่เย็น พระธาตุขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิวอันยอดเยี่ยม ท่านสามารถมองเห็นเมืองปาย ได้ในมุมกว้าง พร้อมสัมผัสความสง่างาม ของเจดีย์คู่ ที่สะท้อนถึงความลึกซึ้ง ในศิลปะ และวัฒนธรรมของท้องถิ่น 18.00 น. Check-In เข้าพักที่ The Reverie Siam Resort รีสอร์ทสุดหรู ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปาย พร้อมทะเลหมอก ที่โอบล้อมในยามเช้า 18.30 น. รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารริมถนนคนเดิน เพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่น และวิถีชีวิตยามค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยสีสัน ของวัฒนธรรม ศิลปะ และสินค้าพื้นเมืองที่น่าสนใจ ปิดท้ายวัน ด้วยการเดินเล่น ในบรรยากาศ Nightlight สุดผ่อนคลาย ก่อนกลับสู่รีสอร์ท เพื่อพักผ่อนในยามค่ำคืน พร้อมเก็บความทรงจำ ของวันอันแสนพิเศษนี้ไว้ในใจ. วันที่ 7: สัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และความสงบ ในเมืองสามหมอก 07.00 น. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้า ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่น และสายหมอกเบาบาง ที่โอบล้อมรีสอร์ท เตรียมตัวสะสมพลังงาน สำหรับวันใหม่ ที่เต็มไปด้วย ความน่าตื่นตาตื่นใจ 08.00 น. ทัวร์ไกด์จัดการเรื่อง Check-Out และเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย ก่อนออกเดินทางสู่เส้นทาง Nomad Style มุ่งหน้าสู่เมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน แวะชม ถ้ำน้ำลอด สถานที่ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการท่องเที่ยวภาคเหนือ ความลึกลับของถ้ำ ที่ค้นพบว่า เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เผ่าพันธุ์ Homo Sapiens รุ่นแรกๆ ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วย ความน่าสนใจ ทัวร์ไกด์จะพาท่านล่องแพไม้ไผ่ เข้าไปชมความงามภายในถ้ำ พร้อมเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ ที่น่าทึ่ง เดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านจ่าโบ๋ สัมผัสความดั้งเดิม และความงดงาม ของวิถีชีวิตชนเผ่า ท่ามกลางความหนาวเย็น และวิวทิวทัศน์ ที่เรียกได้ว่า Gorgeous พร้อมชื่นชมธรรมชาติ ที่ยังคงความสมบูรณ์ รอบหมู่บ้าน ชม ถ้ำปลา ซึ่งลำน้ำใสสะอาด ตัดผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ท่ามกลางอากาศเย็นสดชื่น ปลาใหญ่ ที่แหวกว่ายในลำน้ำ เพิ่มเสน่ห์ให้สถานที่แห่งนี้ ท่ามกลางความเชื่อ ของชาวบ้าน ว่าปลาที่นี่เป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ในเมืองแม่ฮ่องสอน บรรยากาศเรียบง่าย ช่วยให้ท่านสามารถสังเกต วิถีชีวิตของชาวเมือง ได้อย่างใกล้ชิด 13.00 น. ชม วัดจองคำ และ วัดจองกลาง ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบกลางเมือง สองวัดนี้ สะท้อนถึงความงดงาม ที่แตกต่างกัน ในศิลปะแบบล้านนา และแบบพม่า สถานที่นี้ เปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธา และความสงบ 14.00 น. ขึ้นสู่ยอดดอย เพื่อชมเมืองแม่ฮ่องสอน ในมุมสูง พร้อมนมัสการ พระธาตุดอยกองมู ที่ตั้งตระหง่าน อยู่บนยอดสุดของดอย ความสง่างาม ของพระธาตุ และวิวรอบด้าน จะทำให้ท่าน ประทับใจไม่รู้ลืม 15.00 น. เยี่ยมชม หมู่บ้านชนเผ่าคอยาว (Long Neck) สัมผัสวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ในธรรมชาติ และบ้านเรือนดั้งเดิม ของชนเผ่านี้ ทุกมุมมอง เต็มไปด้วยความแตกต่าง และเสน่ห์ที่ยากจะลืม 16.00 น. ชมน้ำตก ผาเสื่อ หรือ น้ำตกกุ่ยล้ม น้ำตกที่มีความสวยงาม ของกระแสน้ำที่รุนแรง และอลังการ แม้ความแรงจะดูน่ากลัว แต่เส้นทางเดินชม ที่ปลอดภัย 100% ทำให้ท่านสามารถเพลิดเพลิน กับความงดงามของธรรมชาติ ได้อย่างเต็มที่ 17.00 น. Check-In เข้าพักที่ บ้านรักไทย ท่ามกลางไร่ชา และทะเลสาบ ที่ถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกขาว ยามเย็น ทัวร์ไกด์จัด Lake Side Cruise ให้ท่านล่องเรือ ชมรอบทะเลสาบ ในบรรยากาศที่หนุ่มสาวเรียกว่า โรแมนติก แต่สำหรับผู้สูงวัย อาจเปรียบว่า คลาสสิก 18.00 น. รับประทานอาหารเย็น ที่ภัตตาคารริมทะเลสาบ เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ ในบรรยากาศอันงดงาม ก่อนกลับสู่ห้องพัก ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบ และไร่ชา ได้จากระเบียงห้อง สัมผัสค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยความสงบ และความงาม ที่คุณไม่เคยคิด ว่าจะได้พบเจอ ในชีวิตจริง ปิดท้ายวัน ด้วยการพักผ่อนในรีสอร์ทสุดพิเศษ ที่สร้างความประทับใจ ไม่รู้ลืม วันที่ 8: สัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์ และความงดงาม ของยอดดอยอินทนนท์ 06.00 น. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้า ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ที่รีสอร์ท พร้อมเติมพลังสำหรับการเดินทาง เต็มอิ่มตลอดวัน 06.30 น. Check-Out ออกจากรีสอร์ท เดินทางสู่ ปางอุ๋ง สถานที่ซึ่ง เป็นเหมือนอัญมณี ที่ซ่อนตัว อยู่ในป่าสนธรรมชาติ ความงดงามของทะเลสาบ ท่ามกลางป่าสน และดอกไม้หลากสี ทำให้รู้สึกเหมือน อยู่ในอีกประเทศหนึ่ง ทีมงานจะจัดเรือแจว พาท่านล่องชมธรรมชาติรอบทะเลสาบ พร้อมพบกับสัตว์ป่าหายาก และนกป่า ที่ปรากฏตัวในยามเช้า เป็นบรรยากาศ ที่ทำให้ต้องอุทานเบาๆ ด้วยความตื่นตา 09.00 น. แวะชม สะพานบุญโขกู่โส้ สะพานไม้ไผ่ทอดยาว ข้ามทุ่งนาที่สวยงาม ทอดตัวไปยังสำนักสงฆ์ บนเขาสูง บรรยากาศสงบ พร้อมจุดพักระหว่างสะพาน ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ และชมวิว 10.00 น. เดินทางสู่ บ่อโคลนธรรมชาติ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพผิว ท่านสามารถเพลิดเพลิน กับการทำ สปาโคลน 30 นาที (รวมอยู่ในแพ็คเกจ) เพื่อผ่อนคลาย และฟื้นฟูร่างกาย หลังจากนั้น ขับรถต่อในเส้นทางเวียนวงแหวนรอบนอก ที่เต็มไปด้วยความงดงาม ของธรรมชาติ ผ่านป่า ไร่ชา และหมู่บ้านชนเผ่าต่าง ๆ ก่อนถึง ดอยแม่อูคอ จุดหมายที่เต็มไปด้วย ความหลากหลายของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งดอกบัวตอง ที่บานสะพรั่งในฤดู หรือความงดงามของป่าดิบชื้น และทิวทัศน์ที่แตกต่าง ในทุกฤดูกาล 12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง พร้อมชมวิวที่เงียบสงบ และงดงาม 13.30 น. เยี่ยมชม จุดพฤกษศาสตร์ดอยอินทนนท์ สำรวจสะพานพฤกษศาสตร์ ที่นำพาท่านชม กุหลาบพันปี เฟิร์นโบราณ และพืชพรรณ ที่เป็นมรดกของโลกมายาวนาน นับหมื่นปี เป็นสถานที่ ที่ต้องสัมผัสด้วยตาตนเอง 14.00 น. เดินทางถึงยอดดอยอินทนนท์ ชมความงามของ สวนดอกไม้เมืองหนาว ที่บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ พร้อมนมัสการ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เจดีย์คู่บารมี ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ 16.00 น. แวะชมน้ำตกวชิรธาร น้ำตกชั้นเดียว ที่สูงและงดงาม ท่ามกลางธรรมชาติ ความหนาแน่น ของอิออนประจุลบ ในอากาศบริเวณนี้ ช่วยให้ท่านรู้สึกสดชื่น อย่างลึกซึ้ง ทุกครั้งที่หายใจ 17.00 น. เดินทางเข้าสู่ สวนสุข รีสอร์ท รีสอร์ทกลางทุ่งนา ที่มีคะแนนรีวิว เกือบเต็ม 10 ท่านจะได้สัมผัส ความสงบของธรรมชาติ พร้อมกับอากาศหนาวเย็น ยามเย็น 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำที่รีสอร์ท พร้อมชมบรรยากาศยามค่ำคืน ของทุ่งนาใต้แสงดาว เป็นการจบวัน ด้วยความประทับใจ และความสงบสุข ที่ยากจะลืมเลือน. วันที่ 9: ปิดท้ายการเดินทาง ในเชียงใหม่ กับวัฒนธรรมล้านนา และธรรมชาติ 07.00 น. เริ่มต้นวันด้วยอาหารเช้า ที่จัดโดยรีสอร์ท เติมพลังสำหรับการเดินทาง 08.30 น. ทัวร์ไกด์ช่วยจัดเก็บสัมภาระและ Check-Out พร้อมออกเดินทางสู่ เมืองเชียงใหม่ 10.30 น. เริ่มต้นการสำรวจรอบคูเมือง ที่ วัดพระสิงห์ สถานที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ หรือที่รู้จักกันในนาม "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง" วัดที่คนไทยหลายคน ตั้งใจมาตั้งแต่เด็ก ว่าจะมานมัสการ ด้วยความศรัทธา 11.30 น. เข้าสู่อารมณ์ของนักโบราณคดี ที่ วัดเจดีย์เก่าแก่อายุพันปี สัมผัสความเก่าแก่ ที่สะท้อนถึงสมัยพระเจ้าเชียงแสน พร้อมทั้งใช้จินตนาการ เดินย้อนกลับไป ในยุคอดีต วัตถุโบราณที่จัดแสดง จะพาท่านดื่มด่ำกับเรื่องราว ในประวัติศาสตร์ รอบวัด ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ดูจริงจังกับ การศึกษาประวัติศาสตร์ ร่วมเดินชมบรรยากาศไปพร้อมกัน 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่ ร้านเฮือนเพ็ญ ร้านอาหารพื้นเมือง ที่ขึ้นชื่อในเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยเมนูอาหารเหนือ ที่แปลก และแตกต่าง แต่รสชาติอร่อย จนประทับใจในทุกคำ 14.00 น. เดินทางขึ้น ดอยปุย สัมผัสการเดินทาง บนเส้นทางคดเคี้ยว ท่ามกลางอากาศเย็นสดชื่น จนสามารถเปิดกระจกรถ รับลมหนาวได้ สนุกตั้งแต่ล้อเริ่มหมุน จนถึงยอดดอย จุดหมายแรกคือ สวนกุหลาบดอยปุย ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบงดงาม พร้อมเรื่องราวของหมู่บ้านแม้ว วิถีชีวิตดั้งเดิม และเสน่ห์ของชุดพื้นเมือง 15.00 น. เดินทางต่อสู่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ สถานที่ที่งดงาม ทั้งตัวพระตำหนัก และสวนดอกไม้เมืองหนาว ที่โอบล้อม ทุกแปลงดอกไม้ ถูกจัดวางอย่างประณีต และงดงาม เป็นหนึ่งในจุดที่สะท้อน ถึงความสง่างามของล้านนา ได้อย่างสมบูรณ์ วัดพระธาตุดอยสุเทพ จุดสำคัญของการเดินทาง ที่ต้องมาเยือนทุกครั้ง ที่มาถึงเชียงใหม่ ด้วยองค์พระธาตุสีทอง สว่างสดใสในศิลปะล้านนา ที่หลายคนยืนยันว่า ไม่ว่ามาเยือนกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกถึง ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และความงดงาม ที่เพิ่มขึ้นในทุกมุมมอง 17.30 น. เข้า Check-In ที่ Absolute Hotel โรงแรมใจกลางเมือง ที่ตั้งอยู่ใกล้กับ เชียงใหม่ไนท์บาซาร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมล้านนา และสีสันยามค่ำคืน ให้ท่านได้สัมผัสความหลากหลาย อย่างเต็มที่ 18.30 น. ทัวร์ไกด์พาท่านรับประทานอาหารค่ำ ในแบบ ขันโตกดินเนอร์ เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองล้านนา และการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ที่งดงาม หลังจากนั้น ท่านสามารถเดินสำรวจ เชียงใหม่ไนท์บาซาร์ สัมผัสบรรยากาศครึกครื้น พร้อมเลือกซื้อของที่ระลึก งานฝีมือ และเพลิดเพลินกับแสงสีในยามค่ำคืน ก่อนกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อปิดท้ายวัน อันแสนพิเศษ. วันที่ 10: ปิดฉากการเดินทาง ในแบบที่เต็มไปด้วย ความทรงจำใหม่ๆ 07.00 น. เริ่มต้นเช้าวันสุดท้าย ด้วยอาหารเช้า แบบ Line Buffet ที่โรงแรม Absolute Hotel อิ่มอร่อยกับตัวเลือกหลากหลาย ที่ช่วยเติมเต็มพลัง ให้พร้อมสำหรับการเดินทางต่อ 08.00 น. Check-Out และออกเดินทางสู่ ดอยม่อนแจ่ม สัมผัสความงดงามของเนินเขา ที่ซ้อนทับกัน ถึง 7 ดอย จากจุดชมวิว บนยอดม่อนแจ่ม ท่านสามารถทอดสายตา มองเห็นสวนดอกไม้ ไร่ผัก และไร่องุ่น พร้อมรับอากาศหนาวเย็น ที่มาพร้อมกับสายลม และปุยหมอก ที่ลอยผ่านตัว เพิ่มความสดชื่น ในทุกลมหายใจ สนุกกับกิจกรรม "ขับรถแม้ว" กิจกรรมที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทัวร์ไกด์จะสอนพื้นฐานการขับ ในเวลาเพียง 5 นาที จากนั้นท่าน สามารถสนุก กับการขับได้ทันที โดยไร้กังวล เพราะทีมงานรับประกันความปลอดภัย เดินทางต่อไปยัง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ท่านจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด บน Canopy Walk Way สะพานที่พาท่าน เดินลัดเลาะ ผ่านยอดไม้ดึกดำบรรพ์ (Ancient Forest) ชมพรรณไม้นานาชนิด ในบรรยากาศร่มรื่น 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำ เพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติ และเมนูอร่อย ที่ช่วยเติมเต็มความสุข 14.30 น. แวะที่ ตลาดวโรรส ตลาดของฝาก ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ครบครันด้วยสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่ของพื้นเมือง อาหารแห้ง ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ไปจนถึงสินค้า ที่เหมาะสำหรับนำกลับ เป็นของฝาก 16.30 น. ทีมงานนำท่านส่งยัง สนามบินเชียงใหม่ ล่วงหน้า 2 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องออก เพื่อความมั่นใจว่า ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทัวร์ไกด์และทีมงาน กล่าวคำอำลา พร้อมคำขอบคุณ ที่มอบความไว้วางใจ ให้ดูแลการเดินทางของท่าน สุดท้าย ท่านกลับบ้าน พร้อมเรื่องเล่าใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับภาคเหนือตอนบน ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณค่า ในแบบของตัวเอง ทิ้งคำว่า "ซองตู" ที่เคยเป็นพื้นที่จำเจ ไว้เบื้องหลัง และค้นพบว่า ชีวิต สว. ก็สามารถสร้างความสุข และประสบการณ์ที่น่าจดจำได้ ในทุกช่วงเวลา เพราะในที่สุด สว. ทุกคนก็คงคิดคล้ายกันว่า: "ชีวิตไม่ได้มีไว้แค่นั่งรอ แต่มีไว้ให้เดินทางและค้นพบ"

รายละเอียดราคา

ที่ JC Tour เราทุ่มเท เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำที่สุด ให้กับลูกค้าทุกท่าน เราให้ความสำคัญ กับการจัดสรรเวลาอย่างเต็มที่ เพื่อให้ท่านได้ดื่มด่ำ กับความงดงามของแต่ละจุดหมายปลายทาง พร้อมด้วยไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มอบข้อมูลเชิงลึก และบริการ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

ดังนั้น ราคานี้จึงเป็นสำหรับ ทริปแบบส่วนตัวเท่านั้น
แนวทางนี้สะท้อนถึงปรัชญาของเรา:“ทุกช่วงเวลาของการเดินทาง ควรพิเศษกว่าวันธรรมดาเสมอ”

	ราคา
	ผู้ใหญ่ 56,500 บาท/ท่าน (Double Room) เด็ก 45,500 บาท/ท่าน (อายุ 3-10ขวบ)

Package รวม

• ที่พัก 9 คืน: พักผ่อนในที่พักระดับคุณภาพทุกคืน ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย และบรรยากาศที่ลงตัว กับการเดินทาง
• อาหารครบทุกมื้อ (10 วัน): รวมอาหารทุกมื้อ ตลอดการเดินทาง ตั้งแต่อาหารเช้าจนถึงมื้อค่ำ พร้อมรสชาติที่หลากหลาย ทั้งเมนูท้องถิ่น และสากล
• นำเที่ยวแบบส่วนตัว:
  • การเดินทางที่เป็นส่วนตัว ไม่รีบร้อน ไม่ต้องรอใคร พร้อมยืดหยุ่นให้ตามความต้องการของท่าน
  • เน้นการท่องเที่ยวที่ เข้าถึงทุกจุดสำคัญ พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย โดยห่างไกลจากคำว่า "ชะโงกทัวร์" อย่างสิ้นเชิง
• ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ทุกแห่ง: ครอบคลุมค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ ตามโปรแกรมทุกแห่ง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
• ค่ากิจกรรมทุกประเภท: ไม่ว่าจะเป็นการล่องแพ ขับรถแม้ว แช่น้ำแร่ ล่องเรือ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ระบุในโปรแกรม
• CSO ประจำกลุ่ม:
  • ผู้ช่วยดูแลส่วนตัว ที่ผ่านการอบรม การให้บริการระดับสูง
  • สุภาพ ฉลาด รู้จักกาลเทศะ นำเที่ยว ดูแล ติดตาม และแก้ปัญหา
  • พร้อม Stand By ดูแลท่านตลอด 24 ชั่วโมง
• ทัวร์ไกด์ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น:
  • ผู้เชี่ยวชาญ ที่เข้าใจพื้นที่อย่างลึกซึ้ง
  • อธิบายข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับสถานที่ และวัฒนธรรม พร้อมพาท่านเข้าถึงพื้นที่ ที่ต้องการคำอธิบายพิเศษ
• รถพร้อมคนขับส่วนตัว:
  • รถยนต์ที่สะอาด ปลอดภัย พร้อมคนขับ ที่ผ่านการคัดเลือก และอบรม
  • Stand By ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกสถานการณ์เร่งด่วน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ
• ประกันภัยนักท่องเที่ยวแบบ Inbound:
  • คุ้มครองครบทุกช่องทาง ให้ความอุ่นใจในทุกสถานการณ์ ระหว่างการเดินทาง

แพ็กเกจนี้ออกแบบ เพื่อการเดินทาง ที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ประสบการณ์ล้ำค่า และความใส่ใจ ในรายละเอียดอย่างแท้จริง

---

ทำไมต้องเจซีทัวร์?

• เจซีทัวร์จดทะเบียนท่องเที่ยว หมายเลข..34/00235 (Inbound นำเที่ยวจากต่างประเทศ และทั่วประเทศไทย), 31/01235 (Outbound นำเที่ยวได้ทั่วโลก) บริษัทประกันภัย ต้องดูแลคุ้มครองทั่วโลก ที่ลูกค้าของเจซีทัวร์เดินทางไปถึง
• เจซีทัวร์ จดทะเบียน การพาณิชย์ อิเล็กโทรนิกส์ ถูกต้อง หมายเลข 0835557015003
• เจซีทัวร์ คือบริษัททัวร์ ที่ได้รับการรับรองจาก สมาชิก TripAdvisor ว่าเป็นบริษัทที่บริการดีที่สุดในโลกครับ.
• จริงหรือ? ทำไมจะไม่ลองอ่านดูครับว่า "ชาวโลกเขาพูดถึงเจซีทัวร์" ว่าอย่างไร? ต้องจ่ายค่าทัวร์ตั้งแพงนะ แนะนำอ่านเลยครับ!!! Click